“เอื้อย คำยอด”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสถานเอกอัคร ราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย จัดโครงการคาราวานรถยนต์สานสัมพันธ์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ล้านช้างแม่โขง ไทย-จีน ปี 2560 ที่เมือง หนิงโป ระหว่างวันที่ 24 ก.ย.-24 ต.ค.2560
คณะสื่อมวลชน ที่ไปร่วมงาน เดินทาง ถึงเมืองหนิงโปตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. ในตอนค่ำ จึงมีเวลาเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งก่อนวันงาน
เช้าวันรุ่งขึ้นเดินทางไปยังเมือง หางโจวในวันต่อมา เข้าชม “เจดีย์เหลยเฟิง” เจดีย์แปดเหลี่ยมที่แวดล้อมด้วยทะเลสาบซีหู สร้างในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ที่เกี่ยวข้องกับนางพญางูขาวในตำนาน เล่ากันว่านางพญางูขาวถูกจองจำไว้ในที่แห่งนี้
ออกจากเจดีย์เหลยเฟิงกองทัพนักเดินทางก็แวะหาอาหารทาน ที่ร้านดังย่านนั้น และติดอกติดใจกับเมนู “ซูตงโพ” หมูสามชั้นขั้นเทพ ที่หลายต่อหลายคนบอกว่านุ่มจนแทบละลายในปากเลยทีเดียว
วันถัดมาเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หนิงโป ที่รวบรวม การศึกษาด้านมนุษยศาสตร์ ศิลปะ และเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลทางภูมิวิทยาของอารยธรรมชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นดินแดนอารยธรรมโบราณกว่า 7,000 ปี
ออกจากพิพิธภัณฑ์คณะสื่อมุ่งหน้าสู่งาน“The Asia Art Festival” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 ณ เมืองหนิงโป ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน และรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียงร่วมเป็นเจ้าภาพ
โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม จากกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เข้าร่วมงานด้วย
ภายในงานตระการตาไปกับการแสดงในชุดยอดเยี่ยมของแต่ละประเทศ ที่เรียกเสียงปรบมือให้กับผู้เข้าชมตลอดทั้งงาน
รุ่งเช้าวันที่ 24 ก.ย. พล.อ.ธนะศักดิ์เข้าร่วมงานสัมมนาในหัวข้อ “วัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขง Lancang Mekong” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้ประเทศในกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ได้หารือถึงการ แลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมร่วมกัน
เสร็จจากงานสัมมนา ต่อด้วยพิธีปล่อยคาราวานรถยนต์สานสัมพันธ์ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวไทย-จีน ด้วยขบวนรถยนต์ 15 คัน
ขบวนรถยนต์ดังกล่าวเริ่มออกเดินทางจากเมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเมืองต่างๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้าสู่ด่านชายแดนอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย รวมทั้งจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย
ต่อไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา ในวันที่ 17 ต.ค.2560 และเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยในวันที่ 20-22 ต.ค.2560 เพื่อเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางในกลุ่ม นักท่องเที่ยวคุณภาพจากตลาดจีนให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
รุ่งเช้าวันที่ 25 ก.ย. คณะสื่อมีโอกาส เดินทางไปเยี่ยมชมท่าเรือหนิงโป ที่ถือเป็นท่าเรือใหญ่อันดับ 2 ของจีน และอันดับที่ 4 ของโลกในแง่ปริมาณขนถ่ายสินค้า
ท่าเรือหนิงโปเป็นท่าเรือที่ทำกำไรได้สูงสุด เป็นอันดับที่ 1 ของท่าเรือในจีน เป็นกิจการที่รัฐบาลหนิงโปถือหุ้นแต่เปิดให้ภาคเอกชน เข้ามาบริหารจัดการเพื่อให้เกิดความคล่องตัว
รัฐบาลเมืองหนิงโปตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนา ให้เป็นฮับโลจิสติกส์ ศูนย์กลางการกระจายสินค้าและท่าเรือติดอันดับสากลของจีน รวมถึง เป็นท่าเรือน้ำลึกติดอันดับโลก ปัจจุบันมีเส้นทางขนส่งที่เชื่อมโยง 183 ประเทศ รวมถึงเส้นทางไปถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทย
“คาราวานหนิงโป” ที่จัดขึ้นได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน ของทั้งไทยและจีน ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ทางรัฐบาลไทยมุ่งเน้นให้เดินทางผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศไทย
โดยจะมีการจัดพิธีต้อนรับคณะขบวนคาราวานที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 16 ต.ค.2560 ด้วย
ตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีขนาดใหญ่เนื่องจาก มีประชากรมากกว่า 1 พันล้านคน ประกอบกับชาวจีนรุ่นใหม่มีความสนใจเลือกเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้น
ผลการสำรวจพบว่าประเทศไทยนับเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ และเป็นที่ ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงเป็นโอกาส ของประเทศไทย ที่จะกระจายการเดินทางของนักท่องเที่ยวไปยังจังหวัดรอง และนำเสนอ ประสบการณ์ใหม่ๆ ในรูปแบบการสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจจากท้องถิ่นไทย (Local Experience) ซึ่งมีความหลากหลาย ในแต่ละจังหวัด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดว่าการจัดโครงการดังกล่าวจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มคุณภาพให้เดินทางมาประเทศไทย และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาประเทศไทยของตลาดนักท่องเที่ยวจีน เพิ่มมากขึ้น
การเดินทางไปยังเมืองหนิงโปครั้งนี้ยังได้เห็นถึงการพัฒนาของจีนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว บ้านเรือนดั้งเดิมของชาวหนิงโปที่มีอาชีพชาวนา กำลังถูกทางการจีนทยอยรื้อถอนมาสร้างคอนโดมิเนียมให้อยู่อาศัยแทน และนำที่ดินไปทำประโยชน์อื่นๆ เพื่อเสริมความทันสมัยและเจริญก้าวหน้าของเมือง ถือเป็นการจัดระเบียบที่พักอาศัยของประชากรให้เข้ากับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางครั้งไหน ประสบ การณ์แปลกใหม่เป็นครูที่ดีให้เราเสมอ และสิ่งที่ได้รับระหว่างการเดินทางเห็นจะเป็น “มิตรภาพ”ในหมู่มวลสมาชิกที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน อบอุ่น และเป็นกันเอง
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำหรับมิตรภาพและประสบการณ์ในครั้งนี้
