ถ้าพูดถึงเนื้อโคขุนที่เลี้ยงกันหลายพื้นที่ในประเทศไทย โคขุนดอกคำใต้ จ.พะเยา เลื่องชื่อความอร่อยไม่แพ้ที่ใดเช่นกัน
โคขุนดอกคำใต้ เกิดจากการรวมตัวของผู้เลี้ยงวัวฝูง ต.บ้านถ้ำ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา เมื่อปี 2545 จำนวน 18 คน ต่อมาได้ไปศึกษาดูงานจากกลุ่มเลี้ยงจังหวัดยโสธร และสหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลางโพนยางคำ จำกัด แล้วนำมาปรับวิธีการเลี้ยงแบบจำกัดพื้นที่
จากนั้นในปี 2557 นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาขณะนั้น จัดสรรงบประมาณจำนวน 15 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงเชือดโคขุนขึ้นที่ ต.บ้านถ้ำ อ.ดอกคำใต้
และเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ ทาง “กลุ่มผู้เลี้ยงวัวขุนจังหวัดพะเยา” จึงรวมตัวกันและหาสมาชิกผู้ที่สนใจเข้าร่วมกันจัดตั้ง สหกรณ์โคขุนดอกคำใต้ จำกัด ขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2557
สหกรณ์โคขุนดอกคำใต้ จำกัด มีสมาชิกแรกตั้ง 78 คน ทุนเรือนหุ้นแรกตั้ง 53,600 บาท เริ่มดำเนินงานเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2557 เป็นต้นมา ปัจจุบันสหกรณ์มีทุนดำเนินงาน 2,811,615.78 บาท
โดยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคในพื้นที่ อ.ดอกคำใต้ จำนวน 4 ตำบล ได้แก่ ต.คือเวียง ต.บ้านปิน ต.บ้านถ้ำ ต.หนองหล่ม ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 100 ราย เกษตรกรที่ผลิตโคขุนจำนวน 44 ราย จำนวนโครวม 325 ตัว
เกษตรกรที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกต้องมีความพร้อมในการเลี้ยงโค ได้แก่ มีโรงเรือน แปลงหญ้า มีประสบการณ์ในการเลี้ยงโค โดยสหกรณ์มีเงินทุนให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือให้สหกรณ์จัดหาโคขุนให้ มีเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปขึ้นทะเบียน คอยดูแลติดตามส่งเสริมให้คำแนะนำทุก 2 เดือน และรับซื้อโคขุนคืนจากสมาชิกในราคาตามเกรดเนื้อ
ซึ่งสมาชิกจะได้กำไรเฉลี่ยตัวละ 15,000-18,000 บาท
เกษตรกรที่เป็นสมาชิกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้เลี้ยงโคพ่อแม่พันธุ์ และกลุ่มผู้เลี้ยงโคขุน โดยสหกรณ์จะเป็นผู้ขึ้นทะเบียนโคขุน พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และลูกโค ของเกษตรกรสมาชิก มีบริการจำหน่ายอาหารสัตว์ กากน้ำตาล ยาเวชภัณฑ์ และถัง ให้แก่สมาชิก และรับซื้อโคขุนคืนจากสมาชิกมาแปรรูป
ลักษณะเด่นของโคขุนดอกคำใต้ ใช้โคเนื้อสายพันธุ์ลูกผสมเลือดยุโรป/ญี่ปุ่น ร้อยละ 50-75 เช่น ชาโรเลส์ แองกัส หรือสายพันธุ์ญี่ปุ่น เช่น วากิว เนื่องจากจะให้เนื้อที่มีไขมันแทรกในระดับ 3 ขึ้นไป เนื้อนุ่ม ไม่มีกลิ่นแรง รสชาติอร่อย เป็นที่นิยมนำไปบริโภค เช่น สเต๊ก ชาบู จิ้มแจ่ว เป็นต้น
โดยเกษตรกรสมาชิกจะเริ่มต้นขุนโคที่น้ำหนักประมาณ 350-400 กิโลกรัม ใช้ระยะเวลาขุนประมาณ 12 เดือน จนให้ได้น้ำหนักสุดท้ายที่ประมาณ 800 กิโลกรัม บางตัวอาจถึง 1 ตันหากเกษตรกรดูแลเอาใจใส่ดีตลอดระยะเวลาการขุน
สหกรณ์จะรับซื้อโคขุนของเกษตรกรสมาชิกให้ราคาตามเกรดเนื้อ โดยเกรดเนื้อจะมีทั้งหมด 5 เกรด เกรดต่ำสุดคือ 1 สูงสุด 5 เทียบตามเปอร์เซ็นต์ไขมันแทรก ซึ่งของดอกคำใต้นั้นอยู่ที่เกรด 3.5-4 ถือว่าเป็นระดับสูงในตลาดเนื้อ
โคขุนแต่ละตัวจะให้เนื้อชิ้นใหญ่อย่างน้อย 36 ชิ้น ราคาที่ขายได้ของเนื้อเกรด 3-4 อยู่ที่ประมาณ 210-250 บาท/กิโลกรัม
ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนจำหน่าย ได้แก่ สันนอก สันใน สันกลาง ทีโบน สันหน้าโหนก ใบพาย โทมาฮอว์ก สันกลางถอดกระดูก เสือร้องไห้ และชุดสำหรับทำเมนูอาหารพื้นเมือง (ชุดส้า ชุดลาบ ชุดแกงอ่อม)
ส่วนเมนูอาหาร ได้แก่ ลูกชิ้นโคขุน สเต๊กเนื้อโคขุนดอกคำใต้ ข้าวหน้าเนื้อ เนื้อย่างจิ้มแจ่ว แก้มโคขุนนึ่งน้ำพริกข่า
สำหรับสถานที่จำหน่าย ดังนี้ 1.การจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปแช่เย็น แช่แข็ง ราคาแตกต่างกันตามชิ้นส่วน จุดจำหน่าย ณ ร้านชาบูโคขุน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. หยุดวันจันทร์ ร้านสุขแต๊ อ.เมืองพะเยา สหกรณ์การเกษตรป่าแดด จำกัด อ.ป่าแดด จ.เชียงราย 2.จำหน่ายเนื้อโคขุนเพื่อผลิตลูกชิ้นเนื้อ ร้านก๋วยเตี๋ยวอันเจริญ และ 3.ออกร้าน บูธ ตามเทศกาล งานในพื้นที่ จ.พะเยา
สำหรับรายได้ของกลุ่มในปี 2566 จำนวน 3,716,245.20 บาท โดยในปี 2567 ตั้งเป้าผลิตโคขุน 400 ตัว/ปี ผลผลิตแปรรูป 176 ตัน/ปี
เกษตรกรตัวอย่าง นายสุริยะ ทองสา เล่าว่า เดิมมีอาชีพเสริม เลี้ยงสุกรขุนชุดละ 10 ตัว จนปี 2540 ประสบปัญหาราคาสุกรตกต่ำ ต้นทุนการเลี้ยงสูงกว่ารายได้ จึงเปลี่ยนเป็นซื้อโคเนื้อมาเลี้ยง โดยมีแนวคิดให้โคกำจัดวัชพืชในสวนด้วย
เริ่มซื้อแม่พันธุ์โค เรดซินดี้ จำนวน 4 ตัว พ่อพันธุ์โค เรดซินดี้ 1 ตัว มาเลี้ยงโดยใช้พ่อคุมฝูง เลี้ยงประมาณ 2 ปี แม่โคเริ่มให้ผลผลิต และสามารถจำหน่ายลูกโคได้ในราคาตัวละ 5,000-6,000 บาท (ราคาในขณะนั้น) โดยขายได้ปีละประมาณ 2 ตัว
จนในปี 2557 เริ่มมีแนวคิดจะผลิตโคขุนคุณภาพ จึงได้รวมกลุ่มสมาชิกในหมู่บ้าน และเพื่อนร่วมงาน เข้าสมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์โคขุนดอกคำใต้ และจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อบ้านดอยโตน กับกรมส่งเสริมการเกษตร
และปรับเปลี่ยนรูปแบบการเลี้ยงขุนธรรมดามาเป็นการเลี้ยงขุนแบบยืนโรง โดยเลี้ยงโคลูกผสมยุโรป ลูกผสมชาโรเลส์ จำนวน 4 ตัว ใช้อาหารสำเร็จรูป อาหารหมัก หญ้าสด
จนในปัจจุบันได้เพิ่มจำนวนโคเนื้อขุนยืนโรงเป็น 20 ตัว/ปี โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 10 ตัว ผลผลิตจากการขุนโค ได้จำหน่ายให้สหกรณ์โคขุนดอกคำใต้เพื่อเข้าโรงฆ่าแปรรูปเฉลี่ยกิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่ายในราคาตามน้ำหนักเปอร์เซ็นต์ซาก ราคากิโลกรัมละ 150 บาท ทำให้ปัจจุบันมีรายได้ 260,000 บาท/รุ่น หรือ ประมาณ 500,000 บาท/ปี
สนใจสอบถามกันได้ที่ สหกรณ์โคขุนดอกคำใต้ โทร. 08-0675-0479
พัทธ์ธีรา วงษ์อัศวกรณ์