คอลัมน์ ขนหัวลุก

ใบหนาด

“แน็ต” เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อคราวน้ำท่วม ดิฉันเป็นคนต่างจังหวัดที่มาเรียนต่ออุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยย่านรังสิต โดยเช่าห้องอยู่ใกล้ๆ กัน มีเพื่อนฝูงพอสมควรเพราะอยู่มาปีกว่าแล้ว แต่ที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษก็คืออ๋อยกับเตือนเพราะอยู่ห้องติดกัน

เพื่อนคู่นี้อยู่ร่วมห้องกันมาแต่แรกแล้ว ช่วยกันแชร์ค่าเช่าและค่าน้ำค่าไฟ ส่วนดิฉันชอบอิสระจึงอยู่คนเดียว พวกเรามีนิสัยไม่ชอบเที่ยวเตร่เหมือนกัน เหล้าเบียร์กับบุหรี่ไม่แตะ ยกเว้นแต่ตอนไปเที่ยวกันนานๆ ครั้ง แต่ก็แค่จิบๆ พ่นๆ เท่านั้นค่ะ

คอยเตือนตัวเองไว้เสมอว่าพ่อแม่ส่งมาเรียน ไม่ใช่มาเที่ยว

แต่พวกเราก็ต้องประสบกับเหตุการณ์ขนหัวลุกโดยไม่นึกไม่ฝัน สาเหตุเพราะมีเพื่อนสนิทอีกคนชื่อโอ๋ เป็นชาวสีม่วงอยู่ห้องใกล้ๆ กัน!

โอ่เป็นคนลพบุรี ร่างเล็ก ผิวขาว คอยดูแลหน้าตาและผิวพรรณให้ผุดผ่องยิ่งกว่าพวกเราด้วยซ้ำ แม้จะแต่งตัวแบบผู้ชาย แต่พูดจาท่าทางมีจริตจะก้านยิ่งกว่าผู้หญิงแท้ๆ นิสัยใจคอกับเพื่อนฝูงก็ถือว่าน่าคบ มีศัพท์แสงแปลกๆ ให้พวกเรางุนงง บางครั้งได้รับรู้ความหมายก็ทำให้ขำกลิ้งไปเลย

ดิฉันยอมรับว่าเพิ่งรู้จักคำว่า “ชะนี” ของพวกกะเทยน่ะหมายถึง “ผู้หญิง” ค่ะ!

ครั้นถามถึงที่มา โอ๋ก็จีบปากจีบคออธิบายว่า

“พวกหล่อนไม่ได้สังเกตหรือยะว่าชะนีน่ะชอบร้องผัวๆๆ อยู่ตลอด ไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย เหมือนผู้หญิงอยากมีผัวไงยะ? หรือพวกหล่อนไม่อยากมีผัวจนแห้งตายไปเอง”

อ๋อยกับเตือนวี้ดว้าย ไล่ทุบโอ๋ไปรอบห้องดิฉันที่หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล…แต่พวกเราต้องยอมรับว่าถ้าขาดโอ๋เสียคน การพูดคุยมักจะไม่สนุกครึกครื้นเท่าที่ควร

เย็นหนึ่ง ขณะที่เรากำลังกินไก่ย่างส้มตำกันอร่อยอยู่ในห้องอ๋อย โอ๋ก็ถือวิสาสะผลักประตูเข้ามา บอกว่าไปดูห้องดิฉันแล้วเห็นว่าล็อกเลยแน่ใจว่าพวกเราต้องมาตั้งวงหม่ำและเม้าธ์กระจายกันอยู่ในห้องนี้แน่ๆ

“ของฝากย่ะ” โอ๋เปิดถุงโชว์หมูปิ้ง เนื้อแดดเดียวกับข้าวเหนียว 3-4 ถุงมาใส่จานพลางกระแทกกระทั้น “วันนี้ซวยชิบ…โดนอีกะเทยควายเดินชนจนหวิดหกคะล้มแน่ะ! แหม…จะขอโทษซักคำก็ไม่มี มันสะบัดตูดแร่ดๆ ออกไปเลย สงสัยรีบร้อนไปหาตัวผู้

อ๋อยอ้าปากค้าง “กะเทยควายเป็นไงเหรอโอ๋?”

“ประสาท! ก็ตัวใหญ่ดำปี๋ แถมอัปลักษณ์สุดๆ ไม่สวยเริ่ดอย่างโอ๋หรอกย่ะ”

“เค้าคงมาอยู่ใหม่ละมั้งถึงไม่รู้จักเธอน่ะ” เตือนเดา ทำให้โอ๋สะบัดหน้า ปัดผมค่อนข้างยาวทำท่าสะบัดสะบิ้ง

“อีกะเทยโอท็อป! ไม่อยากจะเซด…” โอ๋ทำหน้าทำตา “อย่าบอกนะว่าหล่อนไม่รู้จักกะเทยโอท็อป? กะเทยบ้านนอกไงยะ! หน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้น่าไล่ไปอยู่กับพวกโจรใต้ ให้ทหารยิงตายโหงให้หมด…ฮึ! อีเงือก”

พวกเราเวียนหัวไปตามๆ กัน ชวนโอ๋กินซะทีก่อนจะจ้อไม่หยุดปากจนของหมดเสียก่อน แต่โอ๋ยังไม่วายค้อนลมค้อนแล้ง

“ระวังตัวเอาไว้ก่อนก็ดีนะยะ เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน ชะนีเด็กอย่างพวกหล่อนน่ะอย่าไปไว้ใจมันเข้าเชียว เดี๋ยวมันตีสนิทให้หลงเชื่อ หลงลมเลยชวนงูเห่ามาเข้าห้องจนได้”

ต่อจากวันนั้น โอ๋ก็มักจะมีเรื่องให้เจอะเจอคู่ปรับบ่อยๆ แล้วเอามาเล่าไปด่าไปจนพวกเรามั่นใจว่า ถ้าเห็นหน้าฝ่ายนั้นเข้าต้องรู้จักทันที…แต่แล้วก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้นมา จนต้องอพยพหนีน้ำไปตามๆ กัน

ดิฉันกลับบ้านที่ระยอง เพื่อนอีกสองคนอยู่โคราช ส่วนโอ๋หนักหน่อยเพราะอยู่ลพบุรี ต้องไปอาศัยบ้านญาติในกรุงเทพฯ แถวถนนราชวิถี

เมื่อน้ำลดพวกเราก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง!

คืนแรกในห้องดิฉันผู้หญิงเราล้อมวงกันบนเตียงพลางคุยจ้อถึงเรื่องน้ำท่วมที่ถือเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์…จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เตือนอยู่ใกล้ประตูก็โดดลงไปเปิดดูว่าใครมา…ปรากฏว่าเป็นโอ๋นั่นเอง

ในแสงไฟสว่างโพลงนั้น ดิฉันเห็นโอ๋ยืนตัวแข็งทื่อ หน้าขาวซีด นัยน์ตาเบิกโพลง อ้าปากค้าง อ๋อยผงะหน้าถอยกรูด เตือนยกมือปิดปาก ดิฉันก็เกือบกรีดร้องสุดเสียงอยู่แล้ว…พอดีร่างแข็งทื่อของโอ๋ก้าวเข้ามาหาพวกเราช้าๆ

ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวนนั้น โอ๋ก็ครางปนสะอื้นว่า…อีกะเทยโอท็อปขึ้นลิฟต์มากับโอ๋ด้วย พอลิฟต์เปิดมันก็หายไปดื้อๆ โอย…พ่อจ๋าแม่จ๋า นี่โอ๋ตายไปแล้วยัง?

ขาดคำก็ล้มฮวบลงสิ้นสติไป…ปรากฏว่าคู่ปรับของเพื่อนเราจมน้ำตายที่อ่างทอง แต่วิญญาณแค้นยังตามมาเล่นงานโอ๋ถึงหอพัก…นึกถึงแล้วขนหัวลุกค่ะ!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน