จากข้อมูลกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กไทยกำลังประสบภาวะโรคอ้วน คาดว่าในอีก 6 ปีข้างหน้า จะมีเด็กที่มีน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 5 ของเด็กก่อนวัยเรียน หรือจะมีเด็กที่น้ำหนักเกินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20

สาเหตุของโรคอ้วนในเด็ก อาจตอบได้ โดยผลการวิจัยของสำนักงานกองทุนส่งเสริม การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่พบว่าเด็กไทย ในระดับ ป.5 – ม.3 กว่าครึ่งใช้เงินที่พ่อแม่ ให้ไปโรงเรียนซื้อขนมหวานประเภทขบเคี้ยว กรุบกรอบซึ่งไม่มีประโยชน์ ทำให้ฟันผุและ มีปัญหาสุขภาพจากความอ้วนตามมา

นอกจากขนมหวาน เด็กที่มีภาวะโภชนาการ เกินหรือเด็กอ้วนมักกินอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมันในปริมาณสูง กินผักและผลไม้ต่ำ จากผลการวิจัยเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเด็กอาจจะยังไม่ได้รับการปลูกฝังเกี่ยวกับการเลือกอาหารที่มีประโยชน์

ปัญหาภาวะโภชนาการในวัยเด็กนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงเด็กในเมือง แม้ในชุมชนชนบทห่างไกลก็ยังมีเด็กที่มีปัญหาด้านโภชนาการเกิน ยิ่งไปกว่านั้นเด็กชนบทยังมีปัญหา ซ้ำซ้อน ทั้งภาวะเกินและขาด คือมีทั้งเด็กอ้วนและเด็กน้ำหนักน้อยกว่าปกติ

โรงเรียนบ้านตากแดด โรงเรียนเล็กๆ ที่มีนักเรียนไม่ถึงร้อยคน ตั้งอยู่ที่บ้านตากแดด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา ในชนบทบนเนินเขาที่ห่างจากชุมชนเมือง มีปัญหาโภชนาการของเด็กเช่นกันทั้งเด็กอ้วนและเด็กผอม

“แต่ก่อนเด็กที่นี่ชอบกินขนมขบเคี้ยว เพราะเมื่อช่วงยางพาราราคาดี พ่อแม่มีเงินให้เด็กไปซื้อขนม เด็กก็เลยติดขนม ติดหวาน จนมาถึงเวลานี้เศรษฐกิจไม่ดีเท่าเดิม พ่อแม่มีเงินลดลง แต่เด็กก็ยังชอบกินขนมหวานประเภทลูกอมของขบเคี้ยว” จันทร์เพ็ญ ฉายแสง พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตากแดด อธิบาย

จากการสำรวจเมื่อกลางปี 2560 พบว่านักเรียนบ้านตากแดดกินผักเพียงเล็กน้อย กินขนมกรุบกรอบและเครื่องดื่มรสหวานทุกวัน และปัญหาภาวะโภชนาการเกิดจากครอบครัวขาดความรู้ มีการเปลี่ยนแปลงอาชีพและวิถีชีวิตในครอบครัว ผู้ปกครองจึงไม่มีโอกาสใส่ใจบุตรหลานในเรื่องภาวะโภชนาการ ส่งผลให้เด็กไม่กินผัก ทางโรงเรียนจึงหันมาสนใจเรื่องภาวะโภชนาการโดยเน้นที่อาหารกลางวันของนักเรียนเป็นพิเศษ

“โรงเรียนมีหน้าที่จัดการอาหารกลางวันให้เด็กทุกคน แต่เดิมเมนูไม่ได้กำหนดไว้ก่อน แม่ครัวเป็นคนกำหนดเมนูเองโดยไม่มี ส่วนร่วมจากครู ผู้ปกครองและตัวนักเรียน ประกอบกับทางโรงเรียนปลูกข้าวไร่ กล้วย พืชผักสวนครัวมีพอกินตลอดปี เมื่อเห็นว่า เด็กหลายคนมีปัญหาการกินผัก เลือกผัก วางทิ้งไว้ข้างจานเสมอ จึงหันมาสนใจทำโครงการนี้ขึ้น” กนกพร คงยศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตากแดดกล่าว

จากปัญหาการไม่กินผักจนส่งผลเสีย ต่อภาวะโภชนาการในเด็ก ทางโรงเรียน ผู้ปกครอง หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานปกครองท้องถิ่น จึงร่วมมือกันจัดทำโครงการ “หนูน้อยบ้านตากแดดน่ารักด้วยผักผลไม้” มุ่งหวังลดภาวะทุพโภชนาการของเด็กทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

“เรามาช่วยคิดเมนู เปลี่ยนไปเรื่อยในแต่ละวันไม่ให้ซ้ำกัน ทางโรงพยาบาลก็มาช่วยว่าเมนูไหนดีต่อสุขภาพ แล้วก็มีการประกวดกัน ให้พ่อแม่มาสาธิตการทำอาหารเมนูใหม่และเด็กๆ มาช่วยกันทำ เป็นบรรยากาศที่ดีมาก ได้เมนูใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและเด็กๆ ชอบ อย่างเช่นส้มตำผลไม้และข้าวผัดผักสามสี” ประภาพร ชูดวง ผู้ปกครองแกนนำส่งเสริมการบริโภคผักกล่าว

การทำงานร่วมกันระหว่างโรงเรียน สาธารณสุข และชุมชน โดยที่ตัวนักเรียนเองมีส่วนร่วม โดยใช้สายใยในครอบครัวและชุมชนเกิดเป็นผลสำเร็จอย่างดี เด็กนักเรียนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากินผัก ชุมชน ผู้ปกครองช่วยกันลงแรงปลูกผักผลไม้ในพื้นที่โรงเรียนสำหรับเป็นอาหารกลางวัน แก่เด็ก ทั้งยังเกิดคณะทำงานร่วมกำหนดรายการอาหาร แม่ครัวจะทำอาหารกลางวันตามเมนูที่คณะทำงานกำหนดไว้ ได้อาหารที่ดีต่อสุขภาพและเด็กๆ ก็ชื่นชอบไปพร้อมกัน ทางโรงเรียนยังจัดให้มีนักเรียนแกนนำชวนน้องกินผัก คอยดูแลเด็กในกลุ่มเป้าหมายคือเด็กที่มีภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และเด็กอ้วน

“เดี๋ยวนี้เด็กกินผักเยอะขึ้น ไม่เหมือน เมื่อก่อน น้องกินผลไม้และผักได้ทุกชนิด ยกเว้นแต่ผักคะน้าที่น้องๆ ไม่ค่อยชอบ ต้องชวนให้กิน กะหล่ำปลีเคยผัด 3 หัวเดี๋ยวนี้ ผัด 5-6 หัว แต่ก่อนครูต้องมาดูมาแนะนำ ทุกวัน เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว แค่น้องๆ แกนนำช่วยดูก็พอ แต่ก่อนผลไม้ก็ไม่เน้น ไม่มีให้กินทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้เด็กกินตลอด กล้วยในโรงเรียนก็ปลูกเองมีเหลือเฟือ ผลไม้ก็มีผู้ปกครองเอา มาช่วย เด็กก็กินกันหมด ไม่มีผักเหลือติดจาน อีกแล้ว” อรรวินท์ โจ้งบุตร นักเรียน ป.6 แกนนำชวนน้องกินผักกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน