สนพ. โชว์ศักยภาพประเทศไทย ชูพัฒนา นวัตกรรม เมืองอัจฉริยะ

เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องสำหรับ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของประเทศไทย โดยเมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน โชว์นวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะ ผ่านนิทรรศการ Smart Energy

ในงาน “ASEAN Smart Cities Network Conference & Exhibition 2019” หรือการจัดประชุมเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 – 24 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา

พร้อมกระตุ้นทุกภาคส่วนยกระดับประสิทธิภาพของระบบพลังงาน มุ่งสู่เป้าหมายการใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในเมือง

โดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของประเทศไทย มุ่งเน้นส่งเสริมด้านการพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทยในเวทีอาเซียนและนานาชาติ

เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืนในอนาคต ตามแนวทางเครือข่ายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอาเซียน (ASEAN Smart City Network) ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนเห็นชอบร่วมกัน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

โดยประเทศไทยเสนอ กรุงเทพมหานคร เป็นโมเดลการพัฒนาด้านการคมนาคมอัจฉริยะ ภูเก็ต เป็นโมเดลการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอัจฉริยะ และ ชลบุรี เป็นโมเดลการพัฒนาด้านพลังงานอัจฉริยะ จากจำนวนเมืองอัจฉริยะนำร่องทั้งหมด 26 เมือง ของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงพลังงาน เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะของไทย

เมืองอัจฉริยะ (Smart City) คือเมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัย ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

มีความสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งใน 7 องค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาเมืองอัจฉริยะคือ พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) โดยเมืองดังกล่าวต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในกลุ่มของอาคาร บ้านเรือน และโรงงาน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผสมผสานการใช้พลังงานทางเลือก สร้างความสมดุลระหว่างภาคการผลิตและภาคการใช้พลังงานในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และลดการพึ่งพาพลังงานจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก

การพิจารณาความเป็นเมืองพลังงานอัจฉริยะต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารให้มีค่าดัชนี้ชี้วัดการใช้พลังงานต่อพื้นที่เป็นไปตามค่ามาตรฐาน มีการผลิตพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน การผลิตพลังงานในพื้นที่เพื่อลดการพึ่งพาจากแหล่งภายนอก มีระบบผลิตและส่งความเย็นหรือความร้อนจากส่วนกลางของเมือง (District cooling/District heating)

มีระบบจัดเก็บพลังงาน (energy storage) ส่งเสริมและมีการใช้ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีระบบโครงข่ายอัจฉริยะเพื่อการบริหารจัดการพลังงานเชิงพื้นที่มีประสิทธิภาพโดยใช้มิเตอร์อัจฉริยะ ระบบไมโครกริด ระบบการใช้พลังงานในบ้านและอาคารแบบอัจฉริยะ เป็นต้น

การเป็นเมืองพลังงานอัจฉริยะจะทำให้มีการบริหารจัดการพลังงานในเมืองได้อย่างชาญฉลาด มีพลังงานใช้อย่างพอเพียง มีแหล่งผลิตพลังงานทำให้ลดการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งภายนอก มีการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ลดมลพิษจากการจราจร เป็นการยกระดับเมืองไปสู่การใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และจะส่งผลดีต่อภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน