ประธานกาชาดสากลเตือน ‘โควิด-19’

เสี่ยงระบาดในค่ายผู้ลี้ภัยทั่วโลก

เขียนโดย ปีเตอร์ เมาเรอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC)

เสี่ยงระบาดในค่ายผู้ลี้ภัยทั่วโลก – เจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ – ถ้าความจริงคือเหยื่อรายแรกในสงคราม เหยื่อรายที่สองอาจเป็นระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

ครอบครัวที่หนีเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์สู้รบหรืออยู่ในพื้นที่เป้าหมาย ต่างรู้ว่าการช่วยเหลือทางการแพทย์เป็นสิทธิพิเศษที่หายากในเขตสงคราม ท่ามกลางความหวาดกลัวที่จะถูกโจมตีด้วยกระสุนปืนและลูกระเบิด

แม้ว่าสถานพยาบาลที่เปิดทำการจะเป็นเสมือนโอเอซิสช่วยชีวิตผู้คน แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะต้องทำงานอย่างหนักและขาดแคลนเวชภัณฑ์หรือสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับการแพทย์

การบริการทางการแพทย์ที่มีอย่างจำกัด ทำให้การมาถึงของ COVID-19 ในพื้นที่การสู้รบ ยิ่งทวีความหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้น เพราะไวรัสตัวนี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของผู้คนในพื้นที่ที่พวกเขาถูกมองว่าเป็นคนอื่น ไร้ชื่อเสียง และไร้ตัวตน แต่องค์กรของผมได้ช่วยเหลือและรู้จักกับผู้เดือดร้อนที่มีตัวตนและครอบครัวอยู่จริง ซึ่งในเวลานี้พวกเขากำลังเผชิญกับพายุที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง

ในฐานะประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ เรานำอาหารไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยที่ขาดสารอาหาร เรารับฟังผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เราสานสัมพันธ์ครอบครัวที่พลัดพราก และสานเย็บบาดแผลจากสงคราม

โดยสรุปแล้ว เราได้เห็นสภาวการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไม ผมถึงต้องการให้ผู้นำและรัฐบาลทั่วโลกตั้งใจฟังสิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวนั่นคือ ผมกลัว

ผมกลัวเพราะ COVID กำลังท้าทายโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ในประเทศตะวันตกหลายประเทศด้วยจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

ผมกลัวเพราะหาก COVID ไปถึงเรือนจำหลายแห่งที่ขาดแคลนทรัพยากรจำเป็นและมีศักยภาพทางการแพทย์ที่จำกัดประกอบกับการเป็นกลุ่มบุคคลที่เปราะบางของสังคม ก็จะยิ่งทำให้เกิดการแพร่กระจายในวงกว้างยิ่งขึ้น

ผมกลัวเพราะหาก COVID ไปถึงค่ายผู้ลี้ภัยทั่วโลกหลายแห่งซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างแออัด การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติได้จริง อีกทั้งทรัพยากรทางการแพทย์ก็ขาดแคลน

ในไม่ช้าทั้งเด็ก ผู้ปกครอง โดยเฉพาะปู่ย่าตายาย จะถูกทอดทิ้งให้ต่อสู้กับ COVID-19 เพียงลำพัง และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมถึงต้องเตือนให้รัฐบาลทั่วโลก รวมทั้งกลุ่มองค์กรด้านมนุษยธรรมอย่างองค์กรของผม ต้องลงมือปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ในภาวะเปราะบางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ความจำเป็นที่จะต้องให้การช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ วันนี้การช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองจากโรคร้ายกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในแง่ศีลธรรมและการเมือง แม้กระทั่งในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่เราก็สามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้รับมือกับโรคร้ายนี้ได้ ด้วยการบรรเทาความเดือดร้อนของพวกเขาร่วมกัน

ผลการวิจัยของสถาบันแรนด์ (Rand Corporation) เมื่อปี 2559 พบว่า อัฟกานิสถาน เฮติ เยเมน และประเทศในแอฟริกา 22 ประเทศ เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุด 25 ประเทศ ที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โดยประเทศที่เปราะบางที่สุด 10 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีการสู้รบ

ทั้งนี้ ICRC ได้ปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือขององค์กรครั้งใหญ่ โดยเราได้ปรับให้งานที่ดำเนินอยู่แล้วมีความเหมาะสมและตรงกับสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และในสถานที่ที่อำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่เราให้การสนับสนุน เช่น ในซีเรีย โซมาเลีย และอิรัก เราได้เพิ่มปริมาณเวชภัณฑ์และเสริมมาตรการป้องกันรวมทั้งควบคุมการติดเชื้อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ICRC ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในสถานคุมขังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการคัดกรองทางการแพทย์ รวมทั้งมาตรการป้องกันให้แก่ผู้ต้องขังแรกรับ ผู้มาเยี่ยม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่จัดส่งพัสดุ

นอกจากนี้ เรายังให้การช่วยเหลือสนับสนุนด้านมาตรการฆ่าเชื้อโรคและมอบชุดสุขอนามัยให้แก่สถานคุมขัง ซึ่งเราได้เห็นแล้วว่า มาตรการดังกล่าวสามารถป้องกันการแพร่เชื้ออหิวาตกโรคและอีโบลาในสถานคุมขังที่เกิดขึ้นในประเทศกินี ไลบีเรีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกได้สำเร็จ ดังนั้น เราจึงต้องลงมือปฏิบัติเช่นเดียวกันเพื่อรับมือกับ COVID-19

ขั้นตอนเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่อีกประเด็นที่สำคัญและต้องลงมือปฏิบัติในทันทีคือ ICRC และองค์กรต่างๆ จะต้องดำเนินงานด้านอื่นๆ ควบคู่กันไป นอกเหนือจากการรับมือและป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19

ตัวอย่างเช่น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โรงพยาบาลหลายแห่งในซูดานใต้ที่เราให้การสนับสนุน มีผู้ป่วยบาดเจ็บจากกระสุนปืนเข้ารับการรักษามากกว่า 145 ราย ซึ่งเราจำเป็นต้องให้การรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้เช่นกัน

ความจริงอันน่าเศร้าสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่การสู้รบคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 อาจเป็นเพียงภัยคุกคามต่อชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาซ้ำเติมพวกเขาอีกอย่างหนึ่ง จึงเป็นเหตุผลที่เลขาธิการสหประชาชาติได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบมีการหยุดยิงทั่วโลก เพราะองค์กรด้านมนุษยธรรมจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่เพื่อรับมือการระบาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

การตอบสนองต่อทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งและการแพร่ระบาดของ COVID-19 ควบคู่กัน ทำให้การดำเนินงานของเรามีความยากลำบากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการนำมาตรการสำคัญมาปฏิบัติใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ข้อจำกัดด้านการเดินทางทำให้ผู้เดือดร้อนไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อีกทั้งยังทำให้ทีมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของเราเดินทางเข้าประเทศหรือนำส่งเสบียงความช่วยเหลือไม่ได้ แม้ว่าเราจะมุ่งมั่นปฏิบัติงานเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคความท้าทายเหล่านี้ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจทั้งหลายออกมาตรการข้อยกเว้นให้แก่การปฏิบัติงานช่วยเหลือด้านสุขภาพและมนุษยธรรม

หากการให้ความช่วยเหลือถือเป็นสิ่งจำเป็นทางศีลธรรมอย่างหนึ่ง รัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสู้รบและความขัดแย้งทั้งหลาย จะต้องร่วมกันปกป้องพื้นที่การปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรมที่เป็นกลางและไม่เลือกปฏิบัติ โดยจะต้องไม่ทำให้ข้อบังคับและข้อจำกัดเป็นภาระในการปฏิบัติหน้าที่ กล่าวคือ ทุกคนจะต้องร่วมกันปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มิใช่ลดทอนคุณค่า กีดกัน หรือตีตราว่าร้าย

ผมกลัวว่าการแพร่ระบาดของ COVID จะทำร้ายผู้คนที่อยู่ในภาวะเปราะบางอย่างรุนแรง ณ เวลานี้สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือ การร่วมมือกันบรรเทาความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนี้ รัฐบาล คู่สงคราม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคน จะต้องเปลี่ยนท่าทีและการกระทำ เพราะสำหรับไวรัสไม่มีคำว่าพรมแดน แต่สำหรับผู้ถูกคุมขังและผู้ลี้ภัยผลกระทบจากการขาดแคลนทรัพยากรและการรับมืออย่างรวดเร็วอาจจะเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนโลกของเราอย่างยากจะลืมเลือน

ปีเตอร์ เมาเรอร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ โดยกลุ่มองค์กรกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศได้ประกาศระดมทุนจำนวน 800 ล้านฟรังก์สวิส เพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่อยู่ในภาวะเปราะบางทั่วโลกให้สามารถต่อสู้กับการแพร่ระบาดของ Covid-19

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : ดีเบห์ ฟาคร์ โทร: + 66-81-825-0785 [email protected]
ธนาภา ทุยเที่ยงสัตย์ โทร: + 66-81-830-4357 [email protected]

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน