หลวงปู่ดูลย์ อตุโล – วันศุกร์ที่ 30 ต.ค.2563 น้อมรำลึกครบรอบ 37 ปี มรณกาล “พระราชวุฒาจารย์” หรือ “หลวงปู่ดูลย์ อตุโล” วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ พระวิปัสสนาจารย์สายอีสาน ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก

มีนามเดิมว่า ดูลย์ ดีมาก เกิดเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2430 ตรงกับวันแรม 2 ค่ำ เดือน 11 ที่บ้านปราสาท จ.สุรินทร์ บิดา-มารดาชื่อ นายแดงและนางเงิน ดีมาก มีพี่น้องรวม 5 คน โดยเป็นคนที่ 2

การศึกษาเล่าเรียนอาศัยวัดเป็นสถานศึกษา โดยมีพระในวัดเป็นผู้อบรมสั่งสอน ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับการศึกษาในสมัยนั้น วิชาที่เล่าเรียนประกอบไปด้วยการเรียนการสอนทางโลกที่พอให้ อ่านออกเขียนได้และศีลธรรมจรรยามารยาทอันควรประพฤติปฏิบัติ

ครั้นเมื่ออายุ 22 ปี นายดูลย์เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดจุมพลสุทธาวาส ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยมีพระครู วิมลสีลพรต (ทอง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูบึก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูฤทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาว่า “อตุโล” อันหมายถึง ผู้ไม่มีใครเทียบได้ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พ.ศ.2461 พระอาจารย์ดูลย์มีอายุ 30 ปี ญัตติเป็นพระภิกษุในคณะธรรมยุต ที่พัทธสีมา วัดสุทัศนาราม จ.อุบลราชธานี โดยมีพระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระศาสนดิลก(เสน ชิตเสโน) เจ้าคณะมณฑลอุดรเป็นพระกรรมวาจาจารย์

ปฏิบัติกัมมัฏฐานกับหลวงปู่แอก วัดคอโคซึ่งอยู่ชานเมืองสุรินทร์ พากเพียรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจนครบไตรมาสโดยไม่ลดละแต่ก็ไม่ปรากฏเห็นผลอันใดแม้เล็กน้อยและยังใช้เวลาที่เหลือท่องบ่นเจ็ดตำนานบ้าง สิบสองตำนานบ้าง แต่ไม่ได้ศึกษาพระวินัยแต่อย่างใด

เดินทางไปที่ จ.อุบลราชธานี พยายามมุมานะศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างเต็มสติกำลัง ประสบผลสำเร็จคือ สามารถสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรนักธรรมชั้นตรี นวกภูมิ เป็นรุ่นแรกของจังหวัดอุบลราชธานีและยังได้เรียนบาลีไวยากรณ์ (มูลกัจจายน์) จนสามารถแปลพระธรรมบทได้

ครั้งที่หลวงปู่มั่นได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบูรพา จ.อุบลราชธานี ท่านกับพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม พากันไปฟังธรรมเทศนาของพระอาจารย์มั่นเป็นประจำ ทำให้เกิดความซาบซึ้งถึงใจ คำพูดแต่ละคำมีวินัยแปลกไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน จึงเพิ่มความสนใจใคร่ประพฤติปฏิบัติทางธุดงค์กัมมัฏฐานมากยิ่งขึ้นทุกที

ครั้นหลังออกพรรษาแล้ว พระอาจารย์มั่นได้ออกธุดงค์จึงตัดสินใจออกธุดงค์ติดตามไป

ปฏิบัติตามปรารภความเพียรอย่างอุกฤษฎ์แรงกล้า ปฏิบัติ ตามคำอบรมสั่งสอนของท่านปรมาจารย์อย่างสุดขีด จนแสงแห่งพระธรรมก็บังเกิดขึ้น ปรากฏแก่จิตของท่านรู้ชัดว่าอะไรคือจิต อะไรคือกิเลส จิตปรุงกิเลสหรือกิเลสปรุงจิต และเข้าใจสภาพเดิมของจิตที่แท้จริงได้ จนรู้กิเลสส่วนไหนละได้แล้วส่วนไหนยังละไม่ได้เป็นผู้มีอุปนิสัยเยือกเย็น พูดน้อย สงบ อยู่เป็นนิตย์ มีวรรณผ่องใส ท่านประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างแท้จริง ได้บำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์

ธรรมโอวาทของหลวงปู่ดูลย์ “…หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้วก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ จิตนั่นแหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่จิต จิตนั้น โดยตัวมันเองก็ไม่ใช่จิต แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ใช่ มิใช่จิต การที่จะกล่าวว่าจิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั่นแหละ ย่อมหมายถึง สิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูดขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิตก็ถูกเพิกถอนขึ้นสิ้นเชิงแล้ว”

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2526 ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 96 ปี พรรษา 64

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน