‘หลวงพ่อผ่อง-ธัมมโชติโก’ พระเกจิดังวัดคูหาสวรรค์ – วันอังคารที่ 30 พ.ย.2564 น้อม รำลึกครบรอบ 39 ปี มรณกาล “พระวิสุทธิสารเถร” หรือ “หลวงพ่อผ่อง ธัมมโชติโก” แห่งวัดคูหาสวรรค์” หรือ “วัดศาลาสี่หน้า” แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ สุดยอดพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าย่านฝั่งธนบุรีอีกรูปหนึ่ง และเป็นสหธรรมิกที่สนิทชิดเชื้อกับหลวงปู่ชูวัดนาคปรก”

ทั้งหลวงพ่อผ่อง และหลวงปู่ชู เป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจาก “หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง”

กล่าวสำหรับวัดคูหาสวรรค์ ในอดีตเป็นสำนักปฏิบัติกัมมัฏฐาน โดยมีหลวงพ่อผ่อง อดีตเจ้าอาวาสวัดคูหาสวรรค์ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ และเป็นเจ้าตำรับวัตถุมงคลดัง พระสมเด็จเล็บมือ”

มีนามเดิมว่า “ผ่อง” เป็นบุตรของ นายสุด นางอ่ำ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2414 ต้นรัชกาลที่ 5 ที่บ้านตำบลบางสีทอง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เมื่อปีพ.ศ.2435 อุปสมบทที่วัดรวกบางสีทอง จังหวัดนนทบุรี โดยมีพระปรีชาเฉลิม (แก้ว สงขสุวณณโณ) ป.ธ. 6 (ภายหลังเลื่อนเป็น พระเทพโมลี เจ้าอาวาสวัดมหรรณพาราม) วัดเฉลิมพระเกียรติ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแก้ว วัดไฟไหม้ (วัดอมฤต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการลบ วัดรวก เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายา “ธัมมโชติโก”

เรียนวิปัสสนาธุระในสำนักอาจารย์แก้ว วัดไฟไหม้รวม 3 พรรษา ในพรรษาที่ 4 ย้ายมาอยู่ที่วัดนางชี คลองด่าน ในสมัย พระครูศีลขันธ์สุนทร เป็นเจ้าอาวาส ในพรรษาที่ 11 ย้ายจากวัดนางชี มา อยู่วัดนาคปรกอีก 10 พรรษา จนถึงปีพ.ศ.2455

เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2455 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด เจ้าประคุณสมเด็จพระ วันรัต (เผื่อน) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ในขณะที่ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระศากยปุตติยวงศ์) กับพระพุทธพยากรณ์ วัดอัปสรสวรรค์ (ในขณะที่ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูพุทธพยากรณ์) ได้อาราธนาให้เป็นเจ้าอาวาสวัดคูหาสวรรค์วรวิหาร ในขณะที่เป็นพระปลัดฐานานุกรมอยู่

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2458 เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูสังวรสมาธิวัตร” เนื่องในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต้นรัชกาลที่ 6 ในขณะที่มีอายุได้ 44 ปี

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2464 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะหมวดคลองบางจาก อำเภอภาษีเจริญ

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2464 ได้รับเลื่อน เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ “พระวิสุทธิสารเถร” ถือพัดงาสาน

กล่าวได้ว่า หลวงพ่อผ่อง ตั้งแต่แรก เข้ามาอุปสมบท ท่านมีอัธยาศัยเยือกเย็น มีอุปนิสัยอ่อนโยนสุภาพเรียบร้อย ด้วยคุณสมบัติของท่าน ผู้ใดได้พบเห็นท่านแล้ว ล้วนเกิดศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่านเป็นอย่างมาก ท่านยังเป็นผู้เอาใจใส่ในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามเป็นอย่างดี พอท่านเข้ามาอยู่วัดคูหาสวรรค์ ท่านได้บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ เช่น อุโบสถ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ พระประธานในพระอุโบสถ และศาลาสี่หน้าที่ปรักหักพัง ให้คืนดีเกือบทั่วทั้งวัด ดังได้ปรากฏอยู่

ท่านยังเป็น 1 ใน 3 พระเกจิอาจารย์ ของฝั่งธนบุรี ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ให้ความเคารพนับถือ โดยเป็นพระเถระ 1 ใน 4 รูปที่ได้ “พัดงาสาน” สมัยรัชกาลที่ 5 ประกอบด้วย 1.หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง 2.พระสังวรานุวงศ์เถร (ชุ่ม) วัดราชสิทธิฯ (วัดพลับ) 3.หลวงพ่อผ่อง วัดคูหาสวรรค์ 4.หลวงปู่ปั้น วัดสะพานสูง

ได้ชื่อว่าเป็นพระสมถะ สันโดษ ไม่สะสมทรัพย์สินใด สมัยยังมีชีวิตอยู่ ทุกๆ วันจะมีผู้คนมาหาท่านให้ช่วยรักษาโรคต่างๆ บางคนก็มาขอฝึกกรรมฐานและวิปัสสนา บางคนเป็นบ้าเสียสติมาให้ท่านอาบน้ำมนต์เพียงครั้งเดียวก็หาย ถึงขนาดร่ำลือกันว่าน้ำมนต์ของท่านศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งนัก จะเป็นผีหรือเจ้าเข้าสิงก็ใช้ไล่ได้ดี หรือจะทางแคล้วคลาด เมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพันชาตรีก็เป็นยอด

วัตถุมงคลประเภทพระเครื่องและเครื่องรางของขลังที่ท่านสร้างแจกยุคแรก ส่วนใหญ่จะเป็นประเภท “ตะกรุดและ ผ้ายันต์” ซึ่งปัจจุบันหายากมาก

ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคูหาสวรรค์ได้ 16 ปี มีอาการอาพาธบ่อยครั้ง สุดท้ายได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2471 สิริอายุ 57 ปี พรรษา 35

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน