วันจันทร์ที่ 11 มี.ค.2567 น้อมรำลึกครบรอบ 21 ปี มรณกาล “หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล” พระเกจิชื่อดังแห่งวัดป่าหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว

หลวงปู่หมุน เกิดในสกุล “ศรีสงคราม” หรือ “แก้วปักปิ่น” ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ปีชวด พ.ศ.2437 ที่บ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา เป็นเด็กยากจน แต่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด

อริยะโลกที่ 6

หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล

 

ต่อมาบิดา-มารดาเห็นแววทางด้านพระพุทธศาสนา จึงให้บรรพชาเมื่ออายุ 14 ปี และนำไปฝากกับพระอาจารย์สีดา เจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ซึ่งเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านกัมมัฏฐาน

ในปี 2460 ขณะอายุ 23 ปี เข้าพิธีอุปสมบท มีหลวงพ่อสีดาเป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อเพ็งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ และหลวงพ่อผุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฐิตสีโล

จากนั้นศึกษาวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ในแถบนั้นเป็นเวลา 4 ปี ก่อนออกแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นๆ เพื่อศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระในชั้นที่สูงขึ้นไป

พ.ศ.2464 เริ่มออกศึกษาแสวงหาประสบการณ์ ร่ำเรียนวิทยาคมและสมถกัมมัฏฐานจากครูบาอาจารย์หลายสำนัก การเดินทางในสมัยนั้นเป็นที่ลำบากยากเย็น ต้องเดินเท้าเปล่า แต่หลวงปู่มิได้ย่อท้อ เดินทางไปศึกษาวิชาอาคมที่สำนักตักสิลาแห่งบ้านจิกใหญ่ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี








Advertisement

ในช่วงปี 2475-2482 เมื่อหลวงปู่สำเร็จการศึกษา เก็บบริขารออกธุดงค์ป่าผ่านถิ่นทุรกันดารในชนบทมายังกรุงเทพฯ ในระยะแรกเข้าพักที่วัดเทพธิดารามเป็นการชั่วคราว โดยมีครูทองอินทร์ วัดเทพธิดาราม เป็นผู้เอื้อเฟื้อจัดหาที่พำนักให้ ท่านได้ให้หลวงปู่อยู่ที่วัดอรุณราชวราราม พำนักอยู่กับพระพิมลธรรม (นาค) ศิษย์สายสมเด็จพระสังฆราช (แพ)

เข้าสอบวิชามูลกัจจายน์ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งการสอบในสมัยนั้นมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธาน และสมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นประธานกรรมการฝ่ายสงฆ์ และพระเถราจารย์เป็นผู้ทดสอบด้วย โดยมีการถามตอบแบบมุขปาฐะ (ปากเปล่า) ถ้าถามตอบบาลีผิดเกิน 3 คำให้ปรับเป็นตกทันที

ด้วยความรู้ความสามารถที่แตกฉานในคัมภีร์หลวงปู่หมุนสามารถสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยคในคราวเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ใช้วิชาความรู้อย่างคุ้มค่า โดยได้เป็นครูสอนมูลกัจจายน์อยู่ที่วัดหงส์รัตนาราม ธนบุรี เป็นเวลานานหลายปี มีลูกศิษย์มากมาย

จากนั้นเก็บบริขารเดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์ทองดีที่มาจาก อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ธุดงค์ไปทางภาคเหนือเข้าเขตพม่าเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าลงภาคใต้ไปพำนักกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เพื่อปฏิบัติกัมมัฏฐานและแลกเปลี่ยนวิชา ก่อนธุดงค์เข้าเขตประเทศมาเลเซียเพื่อจะเรียนวิชากับพ่อท่านครน วัดบางแซะ แต่ไม่พบจึงตัดสินใจกลับวัดช้างให้

ต่อจากนั้นได้เรียนวิชาจากพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช โดยได้ของที่ระลึกจากพ่อท่านคล้าย คือ ชานหมากเม็ดใหญ่ จากนั้นเดินธุดงค์กลับสู่เขตอีสานอีกครั้งและพบกับหลวงปู่สี ฉันทสิริ ในป่าแถบจังหวัดหนองคาย ได้วิชาลบผงสีจากหลวงปู่สี

หลังจากนั้นกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านจาน จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน

ปฏิบัติศาสนกิจตามที่ได้รับมอบหมายเป็นเวลาถึง 20 ปี จึงลาออกจากทุกตำแหน่ง ต้องการใช้ชีวิตที่เหลือบำเพ็ญสมณธรรมปฏิบัติพระวิปัสสนาธุระอย่างเดียว

ประมาณปี 2487 ในช่วงที่หลวงปู่อายุ 50 ปี ออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าดงดิบ ในช่วงนี้เองที่พบกับอาจารย์จ่อยและอาจารย์ขวัญ วัดป่าหนองหล่ม ระหว่างที่ธุดงค์โดยบังเอิญ

พระอาจารย์ทั้งสองนิมนต์ไปโปรดญาติโยมที่วัดป่าหนองหล่ม หลังจากเดินธุดงค์แสวงหาธรรมอยู่หลายสิบปี ประมาณปี 2520 จึงกลับมายังวัดบ้านจาน ซึ่งวัดบ้านจานในยามนั้นมีอายุกว่า 200 ปี อยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงได้พัฒนาวัด สร้างอุโบสถขึ้นมา ทำให้อุโบสถเสร็จสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น

นอกจากนี้ ยังได้ช่วยเหลือลูกศิษย์และสหธรรมิกอีกหลายวัด เช่น วัดป่าหนองหล่ม, วัดโนนผึ้ง, วัดซับลำใย ฯลฯ

วัตถุมงคลที่สร้างได้รับความนิยมอย่างยิ่ง

จนกระทั่งวันที่ 11 มี.ค.2546 มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 109 ปี พรรษา 86

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน