คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เหตุการณ์ลอบสังหารบันลือโลก กลางท่าอากาศยานกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดย 2 สายลับหญิง ลงมือปลิดชีพ นายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของนาย คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กำลังเป็นข่าวใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังเฝ้าจับตา
โดยเฉพาะการใช้อาวุธที่น่าเชื่อว่าเป็นสเปรย์พ่นยาพิษ
ล่าสุดมีการประมวลภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสนามบิน ทำให้เห็นเหตุการณ์ทุกขั้นตอน
เห็นนาทีมรณะ เมื่อ 2 มือสังหารหญิง เดินเข้าประชิดเหยื่อ แล้วใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในการพ่นยาพิษสังหารใส่บริเวณใบหน้า
เมื่อลงมือเสร็จ ผู้หญิงทั้ง 2 เดินจากไปด้วยท่าทีปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้คนในบริเวณนั้นแทบไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้นเห็น นายคิม จองนัม ซึ่งโดนพ่นยาพิษแล้ว ได้เดินไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ และตำรวจได้พาเดินไปยังห้องพัก ก่อนส่งตัวไปยังโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตในที่สุด
การใช้มือสังหารเป็นสตรี ใช้วิธีพ่นยาพิษ เป็นประเด็นสำคัญ!
หากใช้อาวุธปืนอาจมีเสียง เหยื่อต้องล้มลง เลือดนอง ทำให้คนรอบข้างเห็นเหตุการณ์ได้ทันที แต่นี่ไม่ใช่
จึงเป็นปฏิบัติการในอีกรูปแบบ ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงทั่วโลก ต้องวิเคราะห์ศึกษากันอย่างจริงจังแน่นอน
เพื่อป้องกันและรับมือกับนักฆ่าแนวใหม่
เพราะการลอบฆ่ากันในทางการเมือง สามารถเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ในโลก เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุจึงต้องพร้อมรับ
อย่างรายนี้เป็นเรื่องของเกาหลีเหนือ แต่ก็มาลงมือกันในกัวลาลัมเปอร์
ที่สำคัญ หน่วยงานของหลายๆ ประเทศ ต้องศึกษาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุกับผู้นำการเมืองของประเทศตนเองด้วย!
หน่วยงานความมั่นคงของไทยเราเอง คงต้องศึกษาจากเหตุการณ์นี้
ตอนนี้คงต้องรอผลวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ว่า สารพิษที่ปลิดชีพนายคิม จองนัม เป็นสารอะไร มาจากไหน ในบ้านเรามีหรือไม่ และพิษร้ายดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายตรงจุดไหนของใบหน้า สิ่งที่ใช้พ่นใส่คืออะไร
อีกอย่างระบบกล้องวงจรปิดที่ครบถ้วนของสนามบินมาเลเซีย ทำให้ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้รวดเร็ว
ต้องคิดว่า ถ้ามาเกิดในบ้านเรา ต้องไม่ขายหน้า พบว่ากล้องเสีย กล้องไม่ครบ!?!
หรือตอนที่เหยื่อถูกพ่นพิษใส่ แล้วเดินมาหาเจ้าหน้าที่ ซึ่งภาพในวงจรปิดเห็นชัดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของมาเลเซียเอาใจใส่
พาไปห้องพักดูแล และรีบติดต่อส่งไปยังโรงพยาบาล
ถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่สนใจไยดี พูดจาสื่อกันไม่เข้าใจ ไล่ตะเพิดตาลุงคนนี้ไปไกลๆ
คงโดนป่าวประณามไปทั่วโลกแน่
เจ้าหน้าที่ไทยจึงต้องเรียนรู้เป็นพิเศษ!