ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
หากศึกษาประวัติศาสตร์ทางการเมืองจะพบว่า ข้อหาทุจริตคดโกงนั้น มักจะเป็นเรื่องใหญ่คอขาด บาดตายเฉพาะในยุครัฐบาลพรรคการเมือง รัฐบาลจากการเลือกตั้ง แล้วถ้าโหมประโคมจนจุดติดเมื่อไร ลงเอยรัฐบาลนั้นก็ถูกโค่นล้มด้วยอำนาจพิเศษ
ทั้งที่ ชะตากรรมของรัฐบาลที่เลวร้ายจนประชาชน รับไม่ไหว สามารถตัดสินได้ไม่ยาก และไม่เสียหายต่อพัฒนาการทางการเมืองของประเทศ ไม่กระทบเศรษฐกิจการค้า ไม่ถูกทั่วโลกรังเกียจ
ก็แค่ปล่อยให้ชาวบ้านเข้าไปพิพากษาในคูหาเลือกตั้ง
แต่กลับเลือกวิธีล้มทั้งกระดาน
ผลก็คือ ถอยหลังไปทั่วทุกด้าน กระทบปากท้อง การทำมาหากินเต็มๆ
แต่หากรัฐบาลจากพรรคการเมืองที่ไปกันได้กับกลุ่มอนุรักษนิยมการเมือง ต่อให้โดนจับโกงมโหฬารขนาดไหน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นbeer288
ดังนั้นข้อหาโกง ยังเน้นเฉพาะพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้น!
ย้อนหลังไปในการรัฐประหารปี 2534 ยุครัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ โดนโหมกระแส”บุฟเฟต์คาบิเนต”และ”เผด็จการรัฐสภา”จนสุกงอม ลงเอยก็นำมาสู่การรัฐประหาร
เบื้องหลังก็แค่เกิดงัดข้อกับกลุ่มที่กุมขุมกำลังอย่างรุนแรง
แต่เมื่อจะล้มก็ต้องหาว่าโกง หาว่าเป็นครม.กินทั้งตามน้ำและทวนน้ำ
จนมาถึงการรัฐประหาร 2549 ก็เกิดขึ้นเพราะ กลุ่มม็อบฝ่ายอนุรักษนิยม ที่โหมประเด็นรัฐบาลคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย
พอมาถึงรัฐประหาร 2557 มาจากม็อบนกหวีด ที่ปั่นกระแสทุจริตมโหฬาร โกงกินจำนำข้าว และเผด็จการรัฐสภา!
เมื่อผนวกเข้ากับความผิดพลาดของพรรครัฐบาลเองในเรื่องนิรโทษเหมาเข่ง เลยทำให้กระแสจุดติด
แต่สุดท้ายก็มาจบที่การล้มกระดานและการสะดุดของประชาธิปไตยอีก
แทนที่จะนำมวลมหาประชาชนไปล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วยการเลือกตั้ง
อันจะทำให้ประชาธิปไตยไม่วนในอ่าง เศรษฐกิจ ถดถอย การค้าชะงักไปทั่ว!
ตอนที่เสียงนกหวีดดังระงมนั้น มีคำถามถึงรัฐบาลยุคที่เน่าเหม็นด้วยการทุจริตส.ป.ก.4-01 แต่ก็นั่นแหละ เพราะข้อหาโกงนั้นเอาไว้ใช้เฉพาะกับบางพรรคเท่านั้น
ต่อเนื่องมาถึงคดีเขาแพง ก็เงียบๆ เฉยๆ กันไป เพราะไม่ใช่พรรคนั้น
สถานการณ์ในบ้านเมืองวันนี้ ยิ่งชี้ชัดว่า ข้อหาโกงเอาไว้ใช้เฉพาะกับบางรัฐบาลและบางพรรคการเมืองจริงๆ
คนและองค์กรที่เคยแข็งกร้าวกับการคอร์รัปชั่น เงียบเฉยเย็นชากันไปหมด
เพราะนี่ไม่ใช่รัฐบาลพรรคการเมืองพรรคนั้น
เท่านั้นเอง!!