คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

เป็นอันว่าการต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมของ ผู้เป็น “แม่” หลังลูกสาววัยเด็กถูกบีบบังคับด้วยคลิปยาเสพติดให้เข้าสู่ขบวนการค้ากาม สามารถบรรลุเป้าหมายในระดับสำคัญแล้ว โดยรูปคดีได้คืบหน้าไปถึงขั้นจับกุมตำรวจเป็นผู้ต้องหา และคาดว่าจะมีจับกุมเพิ่มอีกหลายราย

โดยเฉพาะข้าราชการหลายระดับและหลายหน่วยงานในจังหวัด ที่เกี่ยวข้อง และรวมทั้งที่ซื้อบริการเด็ก

จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกระนาว

แม้ว่าก่อนหน้านี้คดีอาจดูล่าช้า จนผู้เป็นแม่ต้องออกแรงเคลื่อนไหว

แต่สุดท้ายแล้ว กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย

ที่สำคัญ กรณีนี้เป็นอีกครั้งที่เป็นเครื่องยืนยันว่า องค์กรตำรวจนั้น มีลักษณะเปราะบาง และประชาชนสามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก!

เมื่อมีการกล่าวหาว่าตำรวจบางนายในโรงพักน้ำเพียงดิน แม่ฮ่องสอน พัวพัน

เมื่อมีการกล่าวหาว่าตำรวจเจ้าของคดีทำงานล่าช้า

พอเสียงเรียกร้องขอความเป็นธรรมดังขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสื่อมวลชนเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนที่ทุกข์ร้อน

จากนั้นผู้รับผิดชอบฝ่ายตำรวจ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภาค 5 ผู้รับผิดชอบตำรวจภาคเหนือตอนบนทั้งหมดออกโรงเอง

ยืนยันว่าคดีต้องคืบหน้า ไม่มีการเตะถ่วง ที่ดูล่าช้าก็เป็นช่วงดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมาย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด

จากนั้นยังมีเสียงกำชับหนักแน่นจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

สั่งการลงไปยังพื้นที่ให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดจริงจัง

รวมทั้งพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ลงมาจี้คดีเองด้วย

คดีก็คืบหน้าไปอย่างจริงจัง และขยายผลจับกุมเพิ่มเติมถึงผู้ที่ร่วมพัวพัน

นี่แหละองค์กรตำรวจก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีใครปกป้องใครได้ ไม่ใช่องค์กรที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่องค์กรที่มีเอกภาพสูง

เป็นองค์กรที่เหมาะสมกับสังคมประชาธิปไตย นั่นคือประชาชนทุกระดับตรวจสอบได้

ตรวจสอบเมื่อไรก็สั่นไหว และความจริงก็คลี่คลายทันควัน

แล้วจะมากังวลกับองค์กรแบบนี้ ว่าจะต้องปฏิรูปผ่าตัดใหญ่อย่างมากมายไปทำไม

กับองค์กรอื่นที่ปิดลับมีเกราะกำบังแข็งแกร่ง ไม่เคยตรวจสอบอะไรได้

ขอดูวงจรปิดก็ยังปิดสนิท

กลับเงียบเฉยไม่เคยแตะต้อง!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน