คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
สมัยก่อนองค์กรตำรวจ มีสถานะเป็นกรม ขึ้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าใหญ่ของตำรวจเรียกว่าอธิบดีกรมตำรวจหรือตัวย่อว่า “อ.ตร.” จนในเดือนตุลาคม 2541 จึงเปลี่ยนแปลงเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาขึ้นตรงกับนายกฯ และยกฐานะของ อ.ตร.ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา เป็นอ.ตร.เกือบคนสุดท้าย โดยขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อตุลาคม 2537
จนกระทั่งต่อจากนั้น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นอ.ตร.แทน และเป็นช่วงที่ปรับสถานะองค์กรตำรวจเสร็จพอดี
จึงกลายเป็นอ.ตร.คนสุดท้ายและผบ.ตร.คนแรก
ก่อนที่พล.ต.อ.พจน์จะจากลาไปอย่างสงบ เมื่อ 01.25 น. วันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา
ได้เคยบอกเล่าถึงความภาคภูมิใจหลังจากเกษียณอายุราชการพ้นจากเครื่องแบบ!
อย่างแรกก็คือ ได้ก่อตั้งมูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว เพื่อทำหน้าที่เป็นขวัญกำลังใจให้กับชาวสีกากีได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
ได้ดูแลเรื่องสวัสดิการ ทุนการทำงาน และทุนการศึกษาบุตรหลานตำรวจ
รวมทั้งด้วยเงินจากมูลนิธินี้แหละ
ทำให้ได้สโมสรตำรวจอันโอ่อ่า ใช้ในกิจการงานต่างๆ ได้อย่างมากมาย
อีกส่วนหนึ่งภาคภูมิใจอย่างมากคือ คนที่ทำงานสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน หลายรายได้เจริญก้าวหน้าในการงานจนถึงขั้นประสบความสำเร็จสูงสุด
ตรวจดูรายชื่อคนใกล้ชิดอดีต อ.ตร.พจน์ ที่โดดเด่นในหน้าที่ตำรวจ
ในทันทีต้องนึกถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ซึ่งมีสถานะเป็นคู่เขย ได้ขึ้นเป็นผบ.ตร.เมื่อกันยายน 2553
ต่อจากนั้นยังได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช. ไปจนถึงปลัดกระทรวงคมนาคมอีกด้วย
ผู้ทำงานใกล้ชิดอดีต อ.ตร.พจน์อีกชุด ได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่งนายเวร อ.ตร.
นายเวรคนแรกคือ พล.ต.ท.วรเทพ เมธาวัธน์ ซึ่งทำหน้าที่งานด้านประชาสัมพันธ์ตำรวจจนเป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง
นายเวรคนถัดมาคือ พล.ต.ต.ชัยยศ บัวทรัพย์
สำคัญสุดคือ นายเวร อ.ตร.พจน์คนสุดท้าย ที่ชื่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา!
ปัจจุบันประสบความก้าวหน้าในการงานตำรวจอย่างสูงสุดเช่นเดียวกัน
คือเป็นผบ.ตร.
เรียกได้ว่าได้เรียนรู้งานของผู้บริหารสูงสุดของตำรวจอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว
เรียนรู้ล่วงหน้ามาถึง 20 ปีเลยทีเดียว!