ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
อันที่จริงพนักงานสอบสวนที่ทำคดีสลายม็อบเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ซึ่งมีคนตายมากถึง 99 ศพนั้น มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานได้มากมาย ในหลายๆ ราย โดยติดตามเบาะแสได้ชัดเจนพอสมควร
เช่น รายนี้เสียชีวิตตรงไหน สภาพศพเป็นอย่างไร วิถีกระสุนยิงมาจากทิศไหน แนวยิงกี่องศา แล้วตามหาต้นตอจนพบว่า จุดยิงอยู่บริเวณนั้นบริเวณนี้
ตรงจุดยิงมีเจ้าหน้าที่ที่รับคำสั่งจาก ศอฉ.หน่วยไหนประจำการอยู่ ใครเป็นหัวหน้าหน่วยนั้น!?
บางคดีสอบด้วยซ้ำว่าเจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ยิงคือใคร ชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร ชั้นยศอะไร และใครคือผู้บังคับบัญชาที่สั่งให้ใช้อาวุธได้
ไม่เท่านั้นบางสำนวน พนักงานสอบสวนยังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่ใช้อาวุธปืนอีกด้วย ยอมรับว่ายิงจริง แต่ก็มีเหตุผลข้ออ้างประกอบ
รายละเอียดมากมายที่พนักงานสอบสวนเคยทำเอาไว้ นับเป็นการรวบรวมร่องรอยของความตาย เอาไว้อย่างเป็นหลักเป็นฐาน!
ดังนั้น เมื่อคดี 99 ศพ ดำเนินมาถึงจุดที่ไม่สามารถนำคดีการฆ่าขึ้นพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลได้ ด้วยผลจากการต่อสู้ทางข้อกฎหมายของ 2 จำเลยคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ฝ่ายผู้เสียหายจึงมาเริ่มต้นหาช่องทางกันใหม่
ทำให้ทนายความของญาติพี่น้องคนตาย เกิดความคิดที่ว่า ถ้าหากการฟ้องร้องผู้มีอำนาจสั่งการไม่สามารถดำเนินการได้
อาจจะต้องเปลี่ยนมาฟ้องร้องผู้ปฏิบัติ ฟ้องหน่วยที่ปฏิบัติแทน
เพราะมีรายละเอียดที่สอบสวนเอาไว้เยอะแยะแล้วนั่นเอง
สาวคดีจากล่างขึ้นบน!
เป็นที่รู้กันดีว่า เดิมทีมีการทำสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพ และศาลได้ชี้ผลเอาไว้แล้ว 17 ศพว่า ตายด้วยปืนจากเจ้าหน้าที่ศอฉ.
จากนั้นก็นำสำนวนนี้ไปสู่การฟ้องร้องในคดีอาญา โดยมุ่งฟ้องแค่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ในฐานะผู้สั่งการ
การละเว้นเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติ คงมีเหตุผลความจำเป็นหลายประการ
ขณะเดียวกัน ญาติของผู้ตายบางส่วน เช่น พ่อเฌอ แม่เกด มีท่าทีไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่น่าฟ้องร้องเฉพาะผู้สั่งการ แต่ต้องฟ้องคนที่ปฏิบัติด้วย
มาถึงวันนี้ เมื่อคดีต้องสะดุด!!
แนวทางการเริ่มฟ้องที่ผู้ปฏิบัติจึงเลี่ยงไม่พ้น เพราะมีรายละเอียดชื่อเสียงเรียงนามหน่วยสังกัดอยู่แล้ว
ทำให้นึกถึงแนวทางการสู้คดีฆ่าหมู่ 6 ตุลาคม 2519
ด้วยการต่อสู้คดีของทนายฝ่ายผู้นำนักศึกษา ซักค้านพยานของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมในปฏิบัติการล้อมยิงที่ธรรมศาสตร์
จากชั้นประทวน ไล่ไปถึงหัวหน้าคนสั่งการตามลำดับชั้น จากผู้กองขึ้นไปถึงผู้พันถึงผู้การถึงนายพล
เป็นการค้นหาความจริงการพิสูจน์ความจริงที่ได้ผลทีเดียว!
