“วงค์ ตาวัน”
ในประวัติศาสตร์การปราบปรามประชาชนที่ชุมนุมประท้วง จนเลือดนองกลางเมืองหลวง เซ่นสังเวยเสียชีวิตชาวบ้านเกินกว่าครึ่งร้อย ไปจนถึงร่วมร้อยศพนั้น ต้องนับว่าเหตุการณ์ 10 เมษายน-19 พฤษภาคม 2553 มีลักษณะพิเศษมากที่สุด
อันดับแรกเลย หากย้อนไปเหตุการณ์อดีต 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519 และ พฤษภาทมิฬ 2535 นั้น
ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นขณะที่ยังไม่มีนโยบายการจัดตั้งหน่วยตำรวจปราบจลาจลอย่างจริงจัง กระสุนยางสำหรับการควบคุมฝูงชนไม่มี
ทุกครั้งพอเกิดประท้วงใหญ่ มีจลาจล ก็จะใช้เจ้าหน้าที่ทหารพร้อมกระสุนจริง
จนกระทั่งหลังพฤษภาคม 2535 เมื่อรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน เข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง ได้มีมติยกเลิกการใช้ทหารเข้าสลายการชุมนุม ให้ทุ่มงบประมาณเพื่อจัดตั้งตำรวจปราบจลาจลเต็มรูปแบบ
หวังกันในวันนั้นว่า จะไม่มีรัฐบาลบ้าเลือด สั่งทหารที่ควรจะทำหน้าที่อันมีเกียรติตามแนวชายแดน ให้ เข้ามารักษาฐานอำนาจตัวเอง แล้วใช้กระสุนจริงกับ ผู้ประท้วงอีก!?
รัฐบาลหลังจากปี 2535 ก็ยึดตามมติของรัฐบาลอานันท์มาตลอด
แม้แต่รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ก็ใช้ตำรวจปราบจลาจลและแก๊สน้ำตาเท่านั้น แต่โดนดำเนินคดียังไม่จบสิ้น
แต่มารัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพ ในปี 2553 ไม่ดำเนินตามมติครม.อานันท์
เป็นรัฐบาลย้อนยุคหันไปเรียกกำลังทหารเข้ามาปราบปรามการประท้วงในเมืองหลวง!!
ด้วยข้ออ้างมีผู้ก่อการร้าย ชายชุดดำ แต่ลงเอยที่ตาย 99 ศพ ไม่มีชายชุดดำแม้แต่ศพเดียว
จึงเป็นคำถามว่าข้ออ้างนั้นถูกต้องชอบธรรมอย่างไร!?!
ลักษณะพิเศษของปี 2553 ประการต่อมา เป็นยุคที่มีเครื่องมือบันทึกภาพทั้งนิ่งและเคลื่อนไหวมากมาย จึงทำให้มีหลักฐาน เจ้าหน้าที่รัฐภายใต้คำสั่งศอฉ.ยิงใส่ม็อบชัดเจน
เห็นการลั่นไกในหลายๆ จุด โดยเฉพาะที่ยิงจากรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมฯ จนตายไป 6 ศพ โดยคนยิงไม่ต้องก้มหลบเพราะยิงฝ่ายเดียว
เห็นกระทั่งใช้หน่วยแม่นปืนซุ่มยิงในการสลายม็อบ ครั้งแรกของประเทศไทย
นี่คืออีกลักษณะพิเศษของเหตุการณ์ 99 ศพที่ไม่เหมือนอดีต
แค่จำนวนศพที่ถูกสังหารก็ถือว่าสูงกว่าทุกเหตุการณ์ ทำลายสถิติการปราบปรามม็อบของประเทศนี้อย่างราบคาบ!
ขณะที่การปราบปรามประชาชนปี 2516, 2519 และ 2535 นั้น จบลงแบบไม่มีการสอบสวนเอาผิด อีกทั้งไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ชัดเจน
แต่ 2553 นั้นหลักฐานมากมาย
แค่คำสั่งศาลที่ชี้ผลไต่สวนชันสูตรศพผู้ชุมนุมว่าตายด้วยกระสุนปืนจากเจ้าหน้าที่ โดยชี้ไปแล้ว 17-18 ศพ
คือหลักฐานเลือดที่ไม่มีใครลบล้างได้
ความพิเศษมากมายของ 99 ศพ จึงทำให้ไม่สามารถจบลงโดยไม่มีใครรับผิดชอบได้ง่ายๆ