“วงค์ ตาวัน”
จากคำถามที่ว่า ทำไมจึงรังเกียจทหาร ซึ่งตอบได้ว่า ไม่มีใครรังเกียจทหารแน่ๆ เพราะประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว มีความสำคัญต่อชาติบ้านเมืองแน่นอน
เพียงแต่มีความห่วงใยว่า ไม่ควรนำทหารมาอยู่ผิดที่ผิดทาง
ทหารควรยิ่งใหญ่มากด้วยเกียรติศักดิ์ศรี ในภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติ
วันนี้เอาทหารมาเป็นรัฐบาลบริหารบ้านเมือง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ถึงวันที่ต้องปรับครม. ทั่วทั้งสังคมเริ่มมีความเห็นว่า
น่าจะปรับกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ลดสัดส่วนของทหารลงไป เพื่อให้มือบริหารด้านธุรกิจการค้าตัวจริง เข้ามาทำงานแทน
เพื่อแก้ไขปัญหาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ความฝืดเคืองแผ่กว้างไปทั่ว!
เพราะกว่า 3 ปีที่ผ่านเห็นกันแล้วว่า ทหารเก่งด้านไหน ขาดความสันทัดด้านใด
ในเมื่อทหารฝึกมาด้านการศึกสงคราม ดูแลความมั่นคง
ไม่ควรนำทหารมายึดอำนาจการเมือง ไม่ว่าหนก่อนหน้านี้ปี 2549 หรือหนหลังปี 2557
ไม่ควรนำทหารเข้ามาปราบม็อบในปี 2553 ด้วยข้ออ้างมีผู้ก่อการร้าย โดยสุดท้ายตายไป 99 ศพ ไม่มีชายชุดดำถูกกระสุนจากฝั่งศอฉ. แม้แต่ศพเดียว
แทนที่จะเลือกใช้ตำรวจปราบจลาจล กระบอง แก๊สน้ำตา ไม่มีชาวบ้านตายร่วมร้อยแน่นอน
หลักสากลนั้นบอกว่า การเมืองต้องเป็นเรื่องของประชาชนส่วนใหญ่ กับการลงคะแนนเลือกนักการเมืองเข้ามาบริหารประเทศ
นักการเมืองถ้าชั่ว โกงกิน ก็มีเวลาไม่เกิน 4 ปี หนต่อไป เมื่อชื่อเสียงเน่าเหม็น ก็สอบตกไป!
ให้ประชาชนพัฒนาการเมืองไปเรื่อยๆ เติบโตไปทั้งสังคม นักการเมืองเลวทรามก็ค่อยๆหมดไป
ปัญหาของประเทศเรา ที่วนเวียนไปมา เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งชอบคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าใคร ทนดูสภาพ ไร้ระเบียบไม่ไหว เลยใช้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง ควบคุม
เพื่อวางกรอบการเมืองตามความคิดของกลุ่มตนเอง
พร้อมๆกับสร้างกระแสนักการเมืองเลวร้ายสารพัด สะกดจิตคนทั้งสังคมให้เกลียดชังการเมือง
เมื่อชาวบ้านเบื่อนักการเมืองได้ที่ ก็ต้องสูญเสียอำนาจการเมืองในมือตัวเองไปหมดสิ้น!
ความพยายามแทรกแซงการเมือง โดยไม่ปล่อยให้สังคม เติบโตไปตามธรรมชาติ
นี่แหละคือการวนในอ่าง!!
เลยต้องนำกองทัพมาอยู่ผิดที่ผิดทาง จนเกิดกระแสใน วันนี้ มากด้วยเสียงเรียกร้องให้ทหารค่อยๆ ถอยออกจากครม.
ไม่มีใครรังเกียจทหาร แต่อยากให้อยู่ถูกที่ถูกทาง!