“วงค์ ตาวัน”
อารมณ์ความรู้สึกโดยรวมของผู้คนในสังคมนั้น ถ้าพูดถึงตำรวจขึ้นมาเมื่อไร มีแนวโน้มวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบเอาไว้ก่อน ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตาม หากมีข้อขัดแย้งกับการทำงานของตำรวจ หากรู้จักใช้ โซเชี่ยลมีเดียมาสร้างกระแส ย่อมมีโอกาสได้เปรียบกว่า เหนือกว่าอย่างฉับพลันทันที
แต่มีกรณีศึกษา คือคดีครูจอมทรัพย์ ที่ออกมาร้องเรียนว่าตำรวจจับผิดตัวในคดีขับรถชนคนตาย เพื่อขอให้กระทรวงยุติธรรมรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่
กว่าจะได้บทสรุปว่าที่แท้เป็นแกะไม่ใช่แพะ
จนนำมาสู่การจับกุมดำเนินคดีขบวนการรับจ้างติดคุกแทน ไปจนถึงขบวนการสร้างเรื่องเท็จ
กว่าจะมาถึงวันนี้ ทั่วทั้งสังคมรุมถล่มตำรวจแทบจมธรณีไปแล้ว
เพราะคนจำนวนไม่น้อยมักจะเฮกันไป ไม่เริ่มต้นจากการตั้งสติหาเหตุผล ศึกษาข้อเท็จจริงก่อน
แต่สุดท้าย เมื่อข้อเท็จจริงประจักษ์ชัด เครดิตของฝ่ายตำรวจก็ฟื้นคืนกลับมา!
ยิ่งตอกย้ำว่า มาตรฐานของกระบวนการแสวงหาความจริงในคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคม
ตำรวจยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานด้านนี้ที่เหนือกว่าหน่วยงานอื่นๆ
ดังนั้นหากคนในสังคมมีการเรียนรู้และทบทวนบทเรียนที่ผ่านๆ มาทุกกรณี ย่อมต้องมีกรณีครูจอมทรัพย์เป็นบทเรียน
เป็นกรณีศึกษาสำคัญสำหรับชาวโซเชี่ยล!
มาวันนี้มีกรณีนักร้องดัง “เสก โลโซ”
เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในหลายด้าน ทั้งตำหนิติเตียนตำรวจว่าทำเกินเหตุ ยกทัพจับคนที่ผิดแค่ ยิงปืนขึ้นฟ้าราวกับเขาไปฆ่าคนตายมา!?
แต่กระแสอีกด้านก็ยืนยันว่า การยิงปืนขึ้นฟ้ามีคดีตัวอย่างมาแล้วมากมายว่า มีโอกาสทำอันตรายต่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องหากอยู่ในรัศมีที่ลูกปืนร่วงลงมาเจาะถูกร่าง
เพราะความเร็วและความแรงนั้น ถึงแก่ชีวิตได้
จุดเริ่มต้นเพราะมีการไลฟ์สดนาทียิงปืนขึ้นฟ้าในวัด นั่นคือพยานหลักฐานการกระทำผิดกฎหมาย
จุดต่อมา เมื่อตำรวจสน.คันนายาว ขอเข้าตรวจค้นจับกุมที่บ้านพักย่านวัชรพล มีการไลฟ์อีกโดยแสดงท่าถือปืนขึ้นลำกล้องและขู่ว่าจะใช้อาวุธ!
นั่นจึงกลายเป็นข้อหาต่อสู้ขัดขวาง
รวมทั้งเมื่อมีการถือปืนไว้พร้อมขนาดนั้น ถือว่าจำเป็นต้องใช้หน่วยปฏิบัติที่เหมาะสมคือหน่วย อรินทราช
ต่อมาเมื่อมีการตรวจปัสสาวะพบว่าสีม่วง ในชั้นต้นตำรวจก็ไม่ได้รีบร้อนสรุป แถมเปิดเผยด้วยว่าผู้ต้องหา โต้ว่ากินยานอนหลับ
จนเมื่อผลพิสูจน์ทางการแพทย์ปรากฏอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ จึงมีการตั้งข้อหาเสพยาเสพติด
บทเรียนจากครูจอมทรัพย์ คงทำให้ชาวโซเชี่ยลมองกรณี “เสก” อย่างรอบคอบมากขึ้น!