เราเคยได้ยินแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งรุนแรงภายในประเทศ โดยใช้การเมืองนำการทหาร เพื่อดับไฟสงครามยุคคอมมิวนิสต์ แทนที่จะใช้การทหารนำแล้วสงครามมีแต่จะลุกลาม

การเมืองนำการทหารได้ผลจริง ยุติสงครามอุดมการณ์ในช่วงปี 2508-2523 ลงได้

ส่วนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยุคที่ผ่านมา ผู้นำเป็นนักการทหาร จึงใช้ความมั่นคงนำหน้าการเมืองมาตลอด แต่ก็ไม่ทำให้ไฟใต้ดับมอดลง!?

มายุคนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นอนค้าง 3 วัน

เน้นการสร้างเศรษฐกิจ การสร้างงาน สร้างโอกาสในชีวิต พบปะประชาชน ไม่มีภาพของผู้นำที่เน้นความมั่นคง

เป็นแนวทางใช้เศรษฐกิจนำความมั่นคง!!

ก่อนหน้านี้ครม.เศรษฐาได้มีมติเมื่อตุลาคม 2566 ให้ยกเว้นใบตม.6 หรือการกรอกแบบรายการในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา สงขลา

ยกเว้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 66-30 เมษายน 67 รับฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวมาเลเซีย

ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นทันที เพราะมีความสะดวก ทำให้เศรษฐกิจใน 3 จังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง คึกคักขึ้นมามาก

แนวทางเศรษฐกิจนำความมั่นคง เริ่มเดินหน้ามาแล้ว

การลงพื้นที่ 3 วันรวด ของนายกฯ เศรษฐาล่าสุด เป็นการลงไปผลักดันเศรษฐกิจอย่างเป็นจริงเป็นจังให้ขยายตัวมากขึ้น!

เนื้อหาสาระของการลงพื้นที่ชายแดนใต้ ไม่มีการประชุมกับฝ่ายความมั่นคง

เน้นประชุมเพื่อสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว

ส่วนการเร่งดับไฟใต้นั้น ดำเนินการในอีกส่วนทำไปต่างหาก!

ยุคเศรษฐามอบหมายให้ นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาฯ สมช. เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้

กำลังเร่งเจรจายุติการก่อความไม่สงบ โดยมีทางการมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก

แค่เอาพลเรือนเป็นหัวหน้าคณะ ก็สร้างบรรยากาศในทางที่ดีได้มากทีเดียว

น่าจะมีแนวโน้มได้ผลการเจรจาในทางที่ดี ให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้สู่ความสงบสุข

ประสานเข้ากับแนวทางเศรษฐกิจนำความมั่นคง สร้างโอกาส สร้างรายได้ เพื่อให้สังคม 3 จังหวัดใต้ได้รับการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่มากขึ้น

จุดสำคัญคือลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ไม่ถูกลดระดับเป็นพลเมืองชั้น 2

สร้างความเป็นธรรมทั้งในทางการปกครอง และในทางเศรษฐกิจปากท้อง เป็นแนวทางดับไฟใต้ที่น่าจับตาว่าจะสำเร็จจริงหรือไม่!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน