‘บิ๊กอวบ’ปิดศูนย์ปราบงาช้าง
สำเร็จ–ยึดของกลาง990ล้าน
ไซเตสปลดไทยพ้นแบล็กลิสต์
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
‘บิ๊กอวบ’ปิดศูนย์ปราบงาช้างสำเร็จ–ยึดของกลาง990ล้านไซเตสปลดไทยพ้นแบล็กลิสต์ : ระหว่างวันที่ 17-28 ส.ค.ที่ผ่านมา นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม CITES CoP 18 ณ ศูนย์ประชุมพาเล็กโป นครเจนีวา ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อรายงานความสำเร็จของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมาย
นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่การพิจารณาในวาระการรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบสารสนเทศการค้างาช้าง (ETIS Report) ปรากฏว่า ประเทศไทยไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการค้างาช้างผิดกฎหมายอีกต่อไป
ส่งผลให้ไทยหลุดพ้นจากประเทศที่ต้องพัฒนาและดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติ หรือประเทศน่ากังวลในการค้างาช้าง ทั้งนี้ เป็นผลจากการไม่มีคดีค้างาช้างล็อตใหญ่ รวมทั้งมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพ ถึงแม้จะยังมีตลาดงาช้างในประเทศ แต่ก็มีกฎหมายและมาตรการในการควบคุมดูแลอย่างรัดกุม
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากความร่วมมือกันอย่างจริงจังของทุกภาคส่วนในนามคณะอนุกรรมการด้านการกำกับดูแล และบังคับใช้กฎหมาย ตามแผนงาช้างแห่งประเทศไทย ที่มีพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.เป็นประธาน และยังเป็น ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีการทำงานอย่างจริงจังจนได้รับฉายาว่า ‘มือปราบไซเตส’
ขณะที่เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้ช่วย ผบ.ตร พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมศุลกากร กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กรมปศุสัตว์ กรมการปกครอง บริษัทท่าอากาศยาน และกอ.รมน ร่วมแถลงผลความสำเร็จของหน่วยเฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สรุปผลการจับกุมของศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปราม การค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานภายใต้คณะอนุกรรมการด้านการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย นับตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมผู้กระทำผิด และตรวจยึดของกลางเป็นงาช้างจำนวนมาก
จับกุมผู้ต้องหา 44 คดี ยึดของกลางงาช้าง น้ำหนักรวม 9,901.82 ก.ก. มูลค่า 990,182,000 บาท การป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง จนสามารถปลดล็อกประเทศไทยจากบัญชีประเทศน่ากังวลในการค้างาช้าง ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือไซเตส เป็นผลให้สามารถปลดล็อกจากการจะถูกกีดกันทางการค้าจากประเทศต่างๆ 182 ประเทศ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า การปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือว่าประสบความสำเร็จ หลังจากไซเตสปลดบัญชีประเทศไทยจากประเทศน่ากังวลในการค้างาช้าง บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ จากนี้ถือว่าสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเผยที่มาที่ไปของศูนย์ปราบปรามงาช้างว่า จากสถานการณ์การลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมาย ที่ใช้ประเทศไทยเป็นช่องทางขนส่งลำเลียง ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศทำให้ในอดีตไทยติดอันดับประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับการค้างาช้างผิดกฎหมาย ในกลุ่มประเทศที่มีความน่ากังวลอย่างยิ่ง ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่รุนแรง จนเกือบได้รับบทลงโทษระงับการค้าสินค้าที่เกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ทั้งหมด ซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล
รัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย เพื่อเสนอต่อไซเตส และกำหนดให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม
โดยมอบหมายภารกิจให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนับสนุนดำเนินการในหมวดกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมายและการประชา สัมพันธ์ ตลอดระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ได้ดำเนินงานเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายอย่างเข้มข้นและจริงจัง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มาตรการเน้นหนัก คือ ห้ามนำเข้า ห้ามส่งออก ห้ามซื้อขาย และไม่สนับสนุน ทลายเครือข่ายแบบถอนรากถอนโคน นำกฎหมายฟอกเงินมาใช้กับนายทุน ผู้ร่วมขบวนการ และผู้สนับสนุน จนสามารถยับยั้งขบวนการลอบค้างาช้าง ไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับประเทศไทยได้
แม้ศูนย์ปราบปรามงาช้างฯ จะเสร็จสิ้นภารกิจและปิดตัวในสิ้นเดือนก.ย.นี้ แต่ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังคงมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ยังมีกฎหมายและมาตรการในการควบคุมดูแลอย่างรัดกุมต่อไป
ความสำเร็จนี้นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของพล.ต.อ.เฉลิมเกียติ ศรีวรขาน ที่จะอำลาชีวิตราชการตำรวจในสิ้นเดือนก.ย.นี้อย่างน่าภาคภูมิใจ
ชาญพงศ์ บุญอุทิศ
เรื่อง/ภาพ