ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

ภาพน้ำท่วมเป็นวงกว้างในหลายจังหวัดภาคกลาง ซึ่งเริ่มเข้ามาจ่อประชิด กทม.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเข้าโจมตีหนักย่านปทุมธานี

ทำให้คนกรุงเริ่มหวาดวิตก

เพราะรู้ดีว่า นอกจากฝนตกกระหน่ำแล้ว ยังมีกรณีการระบายน้ำจากเขื่อนที่ทยอยไหลลงมา

ก่อนหน้านี้ระดับ ผบ.ทบ.ยอมรับว่า ปริมาณน้ำมากใกล้เคียงกับเหตุการณ์ปี 2554 แต่คราวนี้จัดการได้ดีกว่า คงไม่มีวิกฤต

มาวันที่ 13 ตุลาคม โฆษกรัฐบาลแถลงอ้างอิงคำพูดของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า อย่าได้หวาดวิตก รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ รับมือได้แน่

พอเช้าตรู่วันที่ 14 ตุลาคม กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นเมืองน้ำ เกิดท่วมขังรอระบายวงกว้าง จมพื้นที่เขตธุรกิจการค้าอย่างน่าตกใจ!

ความที่มีฝนถล่มถึง 6 ชั่วโมง ในกลางดึกวันที่ 13 ตุลาคม

เลยเกิดสภาพน้องๆ ปี 2554 ในใจกลางเมืองกรุง

แต่ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้คนเมืองหลวงจะเริ่มนึกย้อนถึงภาพมหาอุทกภัยในหนนั้น

เป็นฝันร้ายที่ยังไม่ลืมเลือน!!

พร้อมกับเกิดคำถามเรื่องประสิทธิภาพในการแก้ไขของหน่วยงานรัฐ

ย้อนดูบทเรียนปี’54 เกิดพายุดาหน้าเข้าถล่ม ทำให้มีปริมาณน้ำมหาศาล ชนิดไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายสิบปี

เป็นภัยธรรมชาติที่ขณะนั้นขาดกลไกอันมีประสิทธิภาพพอจะรับมือ

แต่หลังจากนั้นมีการพูดกันอย่างจริงจังว่า ต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบครั้งใหญ่

มีการคลอดแผนบริหารจัดการน้ำออกมา

แน่นอนต้องผ่านการประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นและภูมิปัญญาของท้องถิ่น เนื่องจากการแก้ น้ำท่วม ไม่ใช่ทุ่มแต่สิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว

บางแห่งใช้ธรรมชาติเข้ามาจัดการได้ผลดีกว่า

แต่น่าเสียดายที่เกิดวิกฤตการเมือง ใช้เกมทำลายล้างทางการเมืองอย่างหน้ามืดตามัว

ประเทศชาติเลยชะงักทุกด้าน!!

โครงการช่วยชาวนา ราคายางพารา โครงการพัฒนาคมนาคมขนส่ง อื่นๆ มากมาย รวมทั้งเรื่องจัดการน้ำด้วย ล้มไปหมด

6 ปีผ่านไป มาปีนี้เริ่มหวาดผวามหาอุทกภัยกันอีกหน

ท่ามกลางวิธีรับมือกับปัญหาที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน