เป็นแม่ไม่ง่าย – “ตอนเราวัยรุ่นเคยหัดแล้วขี่ไปชนต้นไม้ ขาหักเลย เจ็บมาก ต้องใช้ไม้ค้ำอยู่นานหลายเดือน ทำให้ฝังใจ กลัวมาก ตั้งแต่นั้นไม่กล้าขี่มอเตอร์ไซค์อีกเลย”

ถามเพื่อนหลายคน ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นปัญหาเลยกับเรื่องลูกชายจะขอขับมอเตอร์ไซค์ ก็เราอยู่บ้านนอก ไปไหนมาไหนถ้าไม่มีรถนี่ลำบากมาก อย่างมากในตัวเมืองก็มีรถสองแถว แต่มันก็ประจำทาง นานๆ มาคัน ออก ไปไหนมาไหนไม่สะดวกเลย ทุกบ้านมีมอเตอร์ไซค์หมด ขี้หมูขี้หมาก็ต้องมีจักรยานบ้างล่ะ แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ ทำงาน ลูกๆ ก็โตในกรุงเทพฯ ลูกเราสองคนนี่ไปไหนมาไหน ตอนเรายังไม่มีเงินซื้อรถ เราก็ขึ้นรถเมล์ หากกลางค่ำกลางคืนอาจจะเรียกแท็กซี่บ้างแต่เราก็ไม่เคยคิดจะซื้อมอเตอร์ไซค์มาขับเลย ไปหน้าปากซอยซื้อของก็ขี่จักรยานเอา เรียกว่าชีวิตไม่เคยคิดสนใจหรือมองหามอเตอร์ไซค์มาใช้งานเลย

พอตอนที่ลูกชายยังอายุ 11-12 แล้วบอกว่าอยากขี่มอเตอร์ไซค์ เขาเริ่มเข้าที่คนสมัยนี้เรียกว่า วัยรุ่นตอนเริ่มต้น คือลูกเริ่มเถียงพ่อแม่ แต่ก็ยังฟังพ่อแม่อยู่ ตอนนั้นเขาขอขี่มอเตอร์ไซค์ เราก็แปลกใจที่จู่ๆ ลูกมาขอ เราคนเป็นแม่ กลัวมากเรื่องมอเตอร์ไซค์ ตอนเราวัยรุ่นเคยหัดแล้วขี่ไปชนต้นไม้ ขาหักเลย เจ็บมาก ต้องใช้ไม้ค้ำอยู่นานหลายเดือน ทำให้ฝังใจ กลัวมาก ตั้งแต่นั้นไม่กล้าขี่มอเตอร์ไซค์อีกเลย เราเลยขี่แต่จักรยานตอนไปโรงเรียน ไปตลาด เรากลัวยังไงไม่รู้ ไม่กล้าขี่อีกเลย พอมาอยู่ในกรุงเทพฯ พอมีลูก ก็กลัวลูกจะได้รับอันตรายอย่างเรา มอเตอร์ไซค์มันเนื้อหุ้มเหล็ก กรุงเทพฯ มันไม่เหมือนบ้านนอก บ้านนอกนี่นานๆ รถจะมาที ยิ่งเคยได้ข่าวเด็กวัยรุ่นตายในกรุงเทพฯ ตายเพราะอุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์ ยิ่งกลัว พอลูกพูดเรื่องมอเตอร์ไซค์ เรานี่ตกใจมาก ผวา จิตตก ไม่ยอมเด็ดขาดให้ลูกได้ขี่

เขาก็หยุดไป พอเราห้าม แต่พอซัก 15-16 ลูกก็มาพูดอีกว่าอยากขี่อีก เราสังเกตว่าแถวบ้านนอกจากจะมีเด็กวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์กันเยอะ ในกลุ่มเพื่อนของลูกที่มาหาที่บ้านหลายคนก็ขี่มอเตอร์ไซค์กันมา ในโทรศัพท์ลูกที่เราแอบเปิดดูมีรูปมอเตอร์ไซค์หลายยี่ห้อหลายรุ่น ทั้งราคาแพงๆ สวยๆ ทั้งนั้น

ตอนแรกเราก็ห้ามลูกนะ แต่ดูเหมือนเขาจะไปแอบหัดขี่กับเพื่อน พอเราเห็นเข้าก็มาปรึกษาสามี สามีพูดคำหนึ่งที่ทำให้เราคิด เพราะเราลืมไป “ลูกเข้าวัยรุ่นแล้วนะ”

แล้วลูกก็เริ่มเถียงเราแทบทุกเรื่อง จากที่ไม่เคย อย่างเช่นเรียกมากินข้าว เมื่อก่อนก็ครับๆ แม่ กลายมาเป็นเริ่มไม่มีปฏิกิริยา ไม่ตอบ เรียกหลายเข้าก็เถียง อ้างนั่นนี่ เสียงดัง โวยวายโต้ตอบ

เราก็มาคิดตอนเราเป็นวัยรุ่น เราก็เถียงพ่อแม่ ดื้อ อยากทำอะไรก็ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดให้รอบครอบ

เราก็เลยถามเขาตรงๆ ว่าเหตุผลที่อยากขี่มอเตอร์ไซค์ อยากมีมอเตอร์ไซค์คืออะไร

ลูกตอบว่า อยากขี่ไปโรงเรียน เราถามว่าอยากอวดเพื่อนๆ หรืออวดสาวๆ เขาหัวเราะ บอกว่า เพื่อนมีก็อยากมีบ้าง อีกอย่างเขาชอบรถมอเตอร์ไซค์มานานแล้ว แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือให้เราดูรูป

เราบอกว่าเราเข้าใจ เรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะพ่อ วัยรุ่นพ่อก็ขี่มอเตอร์ไซค์ แต่พ่อเขาขายทิ้งไป ตอนเราเกิด เรากับน้องถึงไม่เคยได้เห็นพ่อขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วพ่อก็มาซื้อรถยนต์ใช้แทน พาพวกเราไปไหนต่อไหนกัน ไปเยี่ยมย่าเยี่ยมยายที่ต่างจังหวัด ไปเที่ยวดอย เที่ยวทะเลก็รถที่แม่กับพ่อซื้อมานี่แหละ ส่วนมอเตอร์ไซค์ถ้าลูกอยากได้ พ่อกับแม่จะซื้อให้ แต่เราต้องมีข้อตกลงร่วมกันก่อน ลูกรับได้ก็จะซื้อให้

ลูกโอเค แล้วถามข้อตกลง เราก็เลยบอกลูกว่า

ข้อ1. ทุกครั้งของการขับขี่ต้องสวมหมวกกันน็อค ไม่ว่าไปใกล้ไกลแค่ไหน หน้าปากซอย หรือร้านค้าถัดไปก็ต้องสวมตลอด

ข้อ 2. ช่วงสามเดือนแรกที่ยังไม่ชำนาญ ห้ามขี่ไปที่ไกล นอกเส้นทาง ไกลจากบ้าน

ข้อ 3. ช่วงแรกๆ ที่ยังไม่ชำนาญห้ามขี่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ห้ามขี่วัดเฉวียน แซงซ้ายแซงขวา ห้ามขี่ตัดหน้าคันอื่น ต้องให้สัญญาณไฟทุกครั้งที่เลี้ยว ต้องเคารพกฎจราจรว่าอย่างนั้นแหละ

ข้อ 4. ห้ามเล่นโทรศัพท์ขณะขี่ มีโทรศัพท์เข้า ให้จอดรับข้างทางที่ปลอดภัย ห้ามขี่ไปแนบหูพูดไป ห้ามเสียบหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูจีพีเอส หากจะดูให้จอดข้างทางที่ปลอดภัยแล้วค่อยดู เราไม่ชำนาญเหมือนคนขับแกรบขับไลน์แมนเขา

ข้อ 5. หัดขี่ในซอยในละแวกใกล้ๆ เพื่อไปซื้อของจนชำนาญ แล้วไปสอบใบขับขี่ให้ได้ก่อน ค่อยอนุญาตให้ขี่ไปโรงเรียนได้

ข้อ 6.ถ้าแม่หรือพ่อเห็น หรือมีคนอื่นมาบอกว่าลูกฝ่าฝืนข้อห้ามพวกนี้ แม่จะไม่ให้ขี่รถสามเดือน ถ้ามีครั้งที่สอง จะยึดรถไม่ให้ขี่เลย

จากนั้นเราก็ให้ลูกเลือกรถ มีพ่อเขาช่วยดู เพราะเขารู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก ก็ได้มาคัน รถแนววัยรุ่นที่ลูกชอบ พ่อเขาก็ขี่ด้วย เขาขี่แล้วก็ให้ลูกซ้อนในทีแรก ลูกมันวัยรุ่นแล้ว ทำอะไรพวกนี้ก็ไม่ให้เพื่อนเห็น แต่ลูกก็ยอมทำตาม พ่อเขาไม่ได้ขี่นานแล้วก็จริง แต่เขาก็ขี่ได้ บอกให้ลูกใช้สัญญาณไฟทุกครั้ง อย่าตกใจเวลามีอะไรตัดหน้า จะเลี้ยวให้มองดูรถคันอื่น คนที่เดินบนถนนในซอยให้ดี ถ้ามีความเสี่ยงไม่ต้องรับตัดสินใจ

เน้นความปลอดภัยเป็นลำดับแรก

ลูกเราก็ทำตามข้อตกลงทุกอย่าง เขาไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขี่มาสิบปีแล้ว ตอนนี้ทำงาน โตพอจะซื้อคันที่ชอบเองได้ เขาก็ยังรักการขี่มอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหน มีเสื้อผ้าชุดสวมใส่เวลาขับขี่ที่ปลอดภัย แถมซื้อให้แม่ใส่ชุดหนังเท่ๆ ด้วย เคยพาแม่ซ้อนท้ายไปดูหนังด้วยหลายครั้ง

เราก็บอกเล่าประสบการณ์เรื่องลูกกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์ให้ฟัง หลักๆ มีไม่กี่อย่าง รับฟังเขา พูดจาอย่างดี อย่าขึ้นเสียง อย่าใช้อารมณ์ อย่าขัดขวางดุด่า ถ้าลูกต้องการจริงๆ ก็ตั้งข้อตกลงให้ปฎิบัติตาม เริ่มต้น ทุกอย่างก็จะไปด้วยดีเอง #

 

ขึ้นหนึ่งค่ำ

คุณแม่ท่านหนึ่ง
ภาพ Pixabay

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน