บทบรรณาธิการ – เร่งช่วยคนป่วย
การตัดสินใจของศบค. ขยายเวลาล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเพิ่มจำนวนจังหวัด สีแดงเข้ม เป็นเรื่องไม่เกินความคาดหมาย เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในขณะนี้ชัดเจนว่า ยังไม่มีแนวโน้มลดลง
ก่อนหน้านี้ กรมควบคุมโรคระบุว่า หากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นจำกัดพื้นที่และการเดินทาง การคาดการณ์จะมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 40,000 คนต่อ วันและผู้เสียชีวิตจะสูง 500 คนต่อวันในเดือนกันยายน
หากมาตรการที่เข้มข้นขึ้นนาน 1 เดือนและมีประสิทธิภาพร้อยละ 20 ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงเหลือวันละประมาณ 30,000 ราย? หรือหากใช้มาตรการเข้มข้นนาน 2 เดือนและมีประสิทธิภาพร้อยละ 25 จะทำให้ผู้ติดเชื้อลดลงเหลือวันละกว่า 2,000 ราย
ช่วงเวลานี้จึงนับว่าสำคัญมากในการต่อสู้กับโรคระบาด
สําหรับกระบวนการฉีดวัคซีนยังคงทยอยไปตามปริมาณที่จำกัด หรือมีมิตรประเทศบริจาคให้ แต่ความเสี่ยงยังไม่ลดลง เนื่องจากสัดส่วนคนที่ฉีดวัคซีนยังมีไม่มาก คือเข็มแรกเกือบร้อยละ 18 และครบสองเข็มเพียงร้อยละ 5.2
การระบาดของสายพันธุ์เดลตาทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง รัฐจึงไม่ควรกล่าวโทษว่ามาจากประชาชนที่ได้รับวัคซีนไปแล้วขาดความระมัดระวัง
ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน เพิ่มวันละ 17,000-18,000 คน และเสียชีวิตเกินวันละร้อยรายติดต่อมาหลายวัน
การขยายล็อกดาวน์ใช้เพื่อควบคุมและจำกัดเคลื่อนย้ายข้ามเขตพื้นที่ เป็นเรื่องควรทำก็จริง
แต่การรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ถูกล็อกก็สำคัญเท่าๆ กัน
เรื่องที่ประชาชนเรียกร้องจากรัฐบาลคือการจัดระบบสาธารณสุขให้ตอบสนองสถานการณ์ได้ทันและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในยามที่โรงพยาบาล ไม่อาจรองรับ
รัฐจึงต้องเร่งคิดหาว่าทำอย่างไรให้ประชาชนในพื้นที่ถูกปิดล็อก รอดพ้นจากการระบาด หรือหายป่วยได้เร็วขึ้นและมากขึ้น
เมื่อผู้ป่วยจำนวนมากต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ระบบการจ่ายยา และตรวจอาการต้องเข้าถึงได้รวดเร็ว เพื่อป้องกันการป่วยรุนแรง
เพื่อปรับสถานะให้ผู้ป่วยเป็นผู้หายดี ไม่ใช่เสี่ยงเป็นผู้เสียชีวิต
การรับฟังข้อมูลจากกลุ่มช่วยเหลือด่านหน้าเป็นเรื่องควรทำและต้องรีบทำ เพื่อหาทางจัดระบบที่ทันการณ์ที่สุด