คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
ถือเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจกันมากเป็นพิเศษ
สำหรับกรณี น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ ‘เปรี้ยว’ และพวกอีก 4 คน ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม
โดยมีสาเหตุจากความโกรธแค้นส่วนตัวเรื่องแฉแก๊งยาเสพติด จนอดีตสามีถูกจับกุม อีกทั้งปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ
เนื่องจากผู้ก่อเหตุลงมือด้วยความโหดเหี้ยม ซ้ำยังเป็นบุคคลที่โลดแล่นอยู่ในโลกโซเชี่ยล
หลังจากตกเป็นข่าว ก็ถูกขุดคุ้ยทุกชีวิตทุกแง่มุมออกมาตีแผ่ต่อสาธารณะ จนมี ผู้ติดตามกันเป็นจำนวนมาก
และน่าสนใจอย่างยิ่งที่ท่าทีของกระแสสังคม ล้วนไปในทิศทางที่ ‘พิพากษา’ การกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาไปเรียบร้อยแล้ว
มีหลากหลายความเห็นที่เสนอให้ลงโทษ ด้วยวิธีการป่าเถื่อน
เรียกร้องด้วยการเอาความสะใจเป็นหลัก
จนบางครั้งอาจจะลืมไปว่ายังมีสิทธิของผู้ต้องหา ที่จะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมอีกหลายขั้นตอน
หากมองว่าเป็นเพราะสังคมไทยทนไม่ได้กับความโหดเหี้ยมทารุณ และเป็นสังคมที่เรียกร้องความยุติธรรม ก็อาจพูดไม่ได้เต็มปากนัก
เพราะหากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 2553 ที่มีคนถูกฆ่าตายกลางเมืองนับร้อยศพ บาดเจ็บอีกหลายพัน ถูกจับกุมคุมขังร่วมร้อยคน
เหยื่อครั้งนั้นมีทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย อาสาพยาบาล เด็กน้อยอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร
หลายศพมีคำสั่งศาลว่ากระสุนมาจาก ฝั่งเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด
จนขณะนี้ผ่านมา 7 ปี ก็ยังไม่มีใครรับผิดชอบจากเหตุการณ์ดังกล่าว แถมคนบางคนที่สั่งการ กลับลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม แถมยังมีคนนับหน้าถือตากันอีกเป็นจำนวนมาก
ภาระในการเรียกร้องความยุติธรรม จึงตกอยู่ที่บรรดาญาติผู้เสียชีวิต โดยที่กระแสสังคมกลับเงียบเชียบเฉยเมย
จึงน่าจะเป็นโอกาสที่กระตุ้นเตือนให้บรรดาคนที่ยึดมั่นความยุติธรรมได้ตระหนัก
เพราะไม่ว่าฆ่าคนตายศพเดียว หรือตายเป็นร้อยศพ
ก็ควรจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีใครลอยนวล
จริงไหม!??