สุกดิบโหมโรงกันมาตั้งแต่วันจันทร์แล้ว
การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 2022 หรือเอเปค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ได้เป็นโต้โผใหญ่การประชุมที่มีความสำคัญระดับโลก
ครั้งแรกปี 2535 สมัยรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน และอีกครั้งในปี 2546 ยุครัฐบาลอดีตพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต้องไม่ลืมว่า การที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ สืบเนื่องจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้แสดงความประสงค์ต่อการประชุมเอเปค 2555 ที่วลาดิวอสต๊อก ประเทศรัสเซีย
ต่อมาคณะรัฐมนตรีก็มีมติเห็นชอบด้วย
เอเปคมีสมาชิกทั้งสิ้น 21 เขตเศรษฐกิจ แบ่งเป็น 19 ประเทศ กับ 2 เขตเศรษฐกิจ ล้วนเป็นประเทศมหาอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งสิ้น
ปีนี้ ประเทศไทย โดยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อานิสงส์ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
Advertisement
ภายใต้แนวคิด “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance”
แต่ชาวบ้านรับรู้เพียงว่ารัฐบาลพยายามหาซอฟต์เพาเวอร์ที่เป็นจุดขายความเป็นไทย โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกิน
ไม่ว่าจะเป็นปลากุเลาตากใบ เนื้อโคขุนโพนยางคำ สกลนคร และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้
ส่วนของที่ระลึกก็เป็นผลิตภัณฑ์ผ้าไหมจากโคราช เป็นเนกไท และผ้าคลุมไหล่สตรี
แต่ใช้ของแบรนด์เนมระดับโลก “จิม ทอมป์สัน”
เทียบกับเมื่อปี 2546 เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ถักทอตัดเย็บให้ผู้นำที่ไม่มีผู้แทนทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจสวมใส่อย่างสวยงามอลังการ
เป็นผ้าไหมเนื้อดีจากบ้านท่าสว่าง จ.สุรินทร์
มีสตอรี่กระบวนการผลิตศิลปหัตถกรรมที่น่าสนใจ ตั้งแต่การเลี้ยงตัวไหม สาวไหม ทอผ้าด้วยกี่มือ ย้อมสี ออกแบบ ตัดเย็บจนกระทั่งสำเร็จรูปออกมา
ทำให้บ้านท่าสว่างกลายเป็นหมู่บ้านผลิตผ้าไหมคุณภาพ ที่รู้จักกันทั่วโลก ในนาม “หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล” ตามนโยบายรัฐบาลขณะนั้น
แต่ซอฟต์เพาเวอร์ของเจ้าภาพครั้งนี้ ดูเหมือนไม่มีสตอรี่ ปลากุเลาก็ซื้อทางออนไลน์
เนื้อโคขุนโพนยางคำ ก็ขาดเรื่องราว ส่วนข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ อยู่ๆ ก็วางอยู่บนจานเสิร์ฟในงานจัดเลี้ยงแล้ว!!!
เภรี กุลาธรรม