เลือก‘กก.บห.ชุดใหม่’1ตค.
ฝ่ายค้านเดินหน้าแก้รธน.
หวังฉบับไอลอว์-เข้าสภา

‘สมพงษ์’ ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดทางผ่าใหญ่ เลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ 1 ต.ค. ด้านคนใกล้ชิดแห่ลาออกจากกก.บห.-ทีมยุทธศาสตร์พรรคตาม ‘เจ๊หน่อย’ ฝ่ายค้านย้ำคาดไม่ถึงจะโดนแหกตายื้อแก้รธน. รุมจวกส.ว.รอใบสั่ง ไอลอว์จับตา‘ชวน’จะตีตกร่างแก้ไขฉบับประชาชนหรือไม่ ภูมิใจไทยให้อดใจรออีกแค่ 30 วัน ‘นิกร’แนะกมธ.เร่งตัดสินใจก่อนมีม็อบใหญ่กลางต.ค. ซูเปอร์โพลซัดม็อบ 19 ก.ย. อ้างซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจ จี้ยุบพรรคหนุนหลังผู้ชุมนุม ‘บิ๊กตู่’ เปิดงานจ๊อบเอ็กซ์โป ปลื้มเห็นเยาวชนกอดคอยิ้มแย้ม

‘บิ๊กตู่’ช่วยคนตกงานล้านอัตรา

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงาน “Job Expo Thailand 2020 ไทยมีงานทำ” โดยมีรัฐมนตรีเข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นาย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน เป็นต้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจ้างงานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด รวมถึงจะดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และวันนี้ในวิกฤตถือเป็นโอกาส โอกาสคือการเตรียมความพร้อม เมื่อวิกฤตผ่านพ้นเราจะได้ เดินหน้า อย่าหยุดรอ สิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศคือการพัฒนาคน และเป้าหมาย ของการจ้างงานคือให้คนกลับไปทำงานที่ภูมิลำเนาตัวเองให้ได้มากที่สุด

ปลื้มเยาวชนกอดคอยิ้มแย้ม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนั่งรถเข้ามาภายในงาน เห็นนักเรียนนักศึกษาเดินยิ้มและกอดคอกัน พูดจากันยิ้มแย้ม ถือเป็นภาพลักษณ์ของคนไทย ความรัก ความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เอื้ออาทรต่อกัน เป็นนิสัยคนไทย ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณ ความเป็นพี่เป็นน้อง ที่มีความปรารถนาดีให้กัน นี่คือคนไทย นี่คือประเทศไทยที่รักของเรา ที่มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยว และช่วงนี้ที่มีการระบาดของโควิด ฝากทุกคนให้นึกถึงประเทศชาติ ฝากดูแลความมั่นคง ความมีเอกภาพของรัฐบาลและของประชาชนสังคมโดยรวม เพราะถ้าไม่สงบเรียบร้อยอะไรก็จะทำไม่ได้ สิ่งที่เราอยากจะแก้ไขต่างๆ จะทำไม่ได้ทั้งสิ้น ถ้าบ้านเมืองสับสนอลหม่าน

ขอให้ใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะในช่วงโควิด ที่ลำบากกันทั้งโลก แล้วเราสมควรจะสนใจอย่างอื่นมากกว่านี้หรือไม่ เรื่องงานเรื่องอาชีพ เรื่องรายได้ เรื่องสุขภาพ เรื่องโอกาสของคนในวันข้างหน้ามันเยอะไปหมด เราจะทำลายโอกาสเหล่านั้นได้หรือไม่ อยากให้ลองถามตัวเองดู ถามพ่อแม่พี่น้อง ถามเพื่อนฝูงดูแล้วกัน

หลังกล่าวเปิดงานเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินเยี่ยมชมบูธต่างๆ ภายในงาน และในระหว่างเดินออกจากงาน ผู้ที่มาร่วมงานต่างเข้ามาห้อมล้อม ตะโกนให้กำลังใจ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปทักทายและร่วมถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง

อุบชื่อรมว.คลังคนใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การมาร่วมงานวันนี้ ตนมีความสุข ซึ่งไม่ได้จัดงานเช่นนี้เฉพาะกรุงเทพฯ แต่จัดทุกจังหวัด ช่วงค่ำ วันนี้คงมีการรายงานสรุปตัวเลขมา ซึ่งมีเวลาสมัครไปจนถึงช่วงก่อนถึงเดือนต.ค. เป็นการช่วยกันเดินหน้าประเทศไทย ซึ่งอัตราที่ต้องการคือ 1 ล้านตำแหน่ง วันนี้ยังสมัครกันไม่ถึงแสน มันต้องพอสิ

ส่วนกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานเปิดเผยว่านายกฯได้รายชื่อรมว.คลังคนใหม่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เหรอ เมื่อท่านบอกก็ฟังท่านสิ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว.คลังคนใหม่ชื่ออะไร นายกฯ กล่าวว่า “ใครล่ะ ชื่ออะไรล่ะ แล้วท่านบอกว่าใคร” ก่อนที่จะเดินออกไปจากวงสัมภาษณ์ และหันกลับมากล่าวกับสื่อมวลชนว่า “ฉันรู้ของฉันคนเดียว ก็รอดูไป เดี๋ยวก็รู้”

รายงานข่าวเปิดเผยว่า คาดว่านายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนก.ย.นี้ จะมาเป็นรมว.คลังคนใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าจะได้รมว.คลังคนใหม่ในเดือน ต.ค.

จ๊อบเอ็กซ์โป – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ร่วมเปิดงานจ๊อบ เอ็กซ์โป ไทยแลนด์ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ถนนสุขุมวิท เขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

 

คนใกล้ชิดลาออกตาม‘เจ๊หน่อย’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ต่อมานายโภคิน พลกุล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวัฒนา เมืองสุข และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้ประกาศลาออกจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้วย

ขณะที่นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ก็ลาออกจากโฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.ได้ลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แต่บุคคลทั้งหมดยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่

นายจิรายุกล่าวว่า ที่ลาออกเพื่อจะได้ทำงานในส่วนของส.ส.ได้อย่างเต็มที่ เพราะก่อนหน้านี้ต้องเกี่ยวข้องกับการบริหารพรรคทำให้ยุ่งไม่ค่อยมีเวลา จะได้มาขับเคลื่อนงานด้านสภาได้อย่างเต็มที่ และพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีกำหนดการพูดคุยเรื่องการปรับโครงสร้างใหม่

‘สมพงษ์’ปัดไม่ได้แตกแยกกัน

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ของคุณหญิงสุดารัตน์ และคนใกล้ชิดว่า ตอนนี้ยังติดต่อใครไม่ได้ รู้สึกตกใจที่คุณหญิง สุดารัตน์ลาออก เพราะเป็นคนที่มีความสำคัญ กับทางพรรคเพื่อไทยมาก ทำงานไม่มีเหน็ดเหนื่อย สู้เพื่อพรรคมาโดยตลอด เป็นที่น่าเสียดายที่ท่านตัดสินใจแบบนั้น ซึ่งต้องยอมรับการตัดสินใจ แต่ตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับท่าน ก็พยายามติดต่ออยู่ ส่วนที่กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ลาออก อาจเพราะคงรู้สึกว่าผู้นำของเขาลาออกไป เขาจึงต้องแสดงสปิริต ไม่มีอะไร เราพูดคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวถึงประเด็นความแตกแยกในพรรค นายสมพงษ์กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นแตกแยก เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคเรามีแนวทางและบุคลากรที่ทำงานในพรรคอยู่แล้ว มองว่านี่เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า เป็นความรู้สึกที่ติดพันกันกับบุคคลสำคัญของเขา ซึ่งต้องมีการพูดคุยกัน

ไขก๊อกหัวหน้า-เลือกใหม่ 1ต.ค.

ลาออก – นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หน.พรรคเพื่อไทย ร่วมงานฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤตโควิด-19 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ก่อนยื่นลาออกจากหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

 

ต่อข้อถามว่ามีกระแสข่าวว่า ท่านจะลาออกจากหัวหน้าพรรค นายสมพงษ์กล่าวว่า ตนคิดอยู่ ที่คิดคือหากจะให้ฟังก์ชันของพรรคปรับรูปแบบของการบริหารใหม่ ถ้าจะต้องทำ หัวหน้าพรรคลาออกเสียคนหนึ่ง ตำแหน่งอะไรต่างๆ ก็จะหายไปหมด เพื่อจัดสรรกันใหม่ ผู้สื่อข่าวถามว่าการลาออกอาจกระทบกับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายสมพงษ์กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตำแหน่งนี้ใครมาเป็นก็เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา ต้องให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาหาคนมาแทน

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายสมพงษ์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อไทย เพื่อให้กก.บห.ชุดปัจจุบันสิ้นสภาพ โดยระหว่างนี้นายสมพงษ์ได้เซ็นคำสั่งตั้งนาย ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรครักษาการแทน

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โดยที่นายสมพงษ์ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเหตุให้กก.บห.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง และจะต้องมีการเลือกตั้งกก.บห.ชุดใหม่ ในฐานะ ผู้รักษาการหัวหน้าพรรค จึงขอเรียกประชุมรักษาการกก.บห. เพื่อกำหนดให้มีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญในการเลือกกก.บห. ชุดใหม่ โดยจะมีการประชุมรักษาการกก.บห.ในวันที่ 28 ก.ย. เวลา 10.00 น. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ตามกฎหมาย รวมถึงระเบียบข้อบังคับพรรคกำหนดให้แจ้งวันประชุมใหญ่ล่วงหน้าแก่สมาชิกพรรคทั่วประเทศล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ดังนั้น การประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยจะมีขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้

เปิดทางยกเครื่องกก.บห.

สำหรับเนื้อหาในหนังสือลาออกของนายสมพงษ์ ระบุว่า ตามที่ที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ครั้งที่ 1/2562 ได้เลือกให้ผมดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ วันที่ 12 พ.ค.2562 เป็นต้นมา โดยมี กก.บห.รวมทั้งสิ้น 29 คนเต็มตามข้อบังคับพรรคตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองและข้อบังคับพรรค กก.บห.เป็นองค์กรสูงสุดของพรรค มีอำนาจหน้าที่สำคัญในการดำเนินกิจการของพรรคให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย และข้อบังคับพรรค กำหนดนโยบายการบริหารและพัฒนาพรรค กำกับดูแล และตรวจสอบให้องค์กรของพรรคส่วนต่างๆ ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามกฎหมายและนโยบายของพรรค และมีอำนาจและหน้าที่อย่างอื่นๆ อีกหลายประการ

ที่ผ่านมา ผมเห็นว่าด้วยองค์ประกอบของกก.บห. และการกำหนดภารกิจในส่วนต่างๆ ของพรรค ทำให้กก.บห.ยังไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลตามนโยบายและข้อบังคับของ พรรค จึงเห็นว่าสมควรที่จะปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงกก.บห.เสียใหม่ เพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้ และเพื่อให้การบริหารงานของพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามนโยบายของพรรคที่ได้ประกาศไว้ ด้วยเหตุนี้ จึงขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป เพื่อจะได้มีการเรียกประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ และเลือกกก.บห. ชุดใหม่ต่อไป

ยืนยันไม่ได้แพแตก

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การลาออกของนายสมพงษ์ มีผลกระทบต่อตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่าผู้นำฝ่ายค้านมาจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่มีส.ส.มากที่สุดที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล แต่คงเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมาก เพราะนายสมพงษ์เลือกลาออกในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ถ้ามีการเลือกกก.บห.ชุดใหม่แล้วเลือกนายสมพงษ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง นายสมพงษ์ก็กลับมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านเหมือนเดิม

การลาออกจของนายสมพงษ์ไม่ได้เกิดจากการมีปัญหาในพรรค อย่าไปตกใจ แต่ถึงวาระที่ต้องปรับเปลี่ยนกก.บห. จึงลาออกเพื่อให้เป็นไปด้วยความราบรื่น ส่วนการลาออกของคุณหญิงสุดารัตน์ ถือเป็นการปรับโครงสร้างการบริหารพรรค ยืนยันว่าไม่ใช่การส่งสัญญาณแพแตกของพรรคที่ทุกคนลาออกกันทั้งหมด ส่วนกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จะเข้ามาควบคุมการบริหารงานพรรคเพื่อไทยเองนั้น เป็นข้อสันนิษฐานกันไป ยังไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาคุณหญิงพจมานไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวการบริหารงานของพรรคเพื่อไทย

‘สุวินัย’อ้างประกาศิตหญิงอ้อ

นายสุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซฯ โดยจั่วหัวว่า “หมากประกาศิตของคุณหญิงพจมาน” ระบุเนื้อหาโพสต์ว่า “การเมืองไทยแต่เดิมก็เป็นการเมืองเชิงสัญลักษณ์อยู่แล้ว อาการแพแตกของพรรคเพื่อไทย น่าจะเพราะได้รับสัญญาณบางอย่างเจ้าของพรรคตัวจริงนั่นเอง ถ้าอาการแพแตกของพรรคเพื่อไทยในคืนนี้ ทำให้ถอนฟืนออกจากกองเพลิงได้ เราคงต้องขอบคุณคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ขยับหมาก “ประกาศิต” นี้เพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง”

#คุณหญิงพจมานฉลาดและล้ำลึกจริงๆ

ถ้าคนอ่านเกมขาด หมากนี้ของคุณหญิงพจมาน บอกได้คำเดียวว่า “มันจบแล้วท่าน” หลังจากนี้พวกเสื้อแดงคงต้องตัวใครตัวมัน ส่วนม็อบวันที่ 14 ตุลาเดือนหน้าคงเกิดยากแล้ว

ถอนฟืนจากไฟ-14ตุลาแท้ง

ต่อมานายสุวินัย โพสต์เฟซบุ๊กเพิ่มเติมว่า “ก่อนจะมาถึง “หมากประกาศิต” ของคุณหญิงพจมาน เนื้อหาโดยสรุปมีการกล่าวถึงเหตุผลของแนวคิดของตนเองว่า ทำไม 14 ตุลา 2563 คงเกิดยาก นั่นเพราะความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการบางอย่าง ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะเกรงว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคอีก แต่พรรคเพื่อไทยมีความต้องการเพียงแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขวิธีการเลือกตั้งในปัจจุบันที่พรรคเสียประโยชน์ จึงปรากฏคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมกับม็อบนักศึกษาปลดแอกทั้งในวันที่ 16 ส.ค. และวันที่ 19 ก.ย.

ท้ายที่สุดเมื่อเกิดกระแสเกินเลยมากกว่าการล้มรัฐธรรมนูญ จึงมีคำสั่งหยุดขนคนมาเพิ่มที่สนามหลวงให้ครบ 100,000 คนในการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย. และเป็นที่มาของ “หมากประกาศิต” ของคุณหญิงพจมาน การที่คุณหญิงสุดารัตน์ รวมถึง ส.ส.ในสายลาออกจากกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย จึงสร้างแรงกระเพื่อนระดับสึนามิให้แก่การชุมนุมของคนเสื้อแดงและกลุ่มเยาวชนนักศึกษาปลดแอกหลังจากนี้อย่างแน่นอน

‘ธนกร’ยันไม่มีใครยื้อแก้รธน.

ส่วนกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก่อนลงมติรับหลักการ 6 ฉบับนั้น

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่ทราบ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ส.ว.ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วย ยิ่งส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านรุมอภิปรายโจมตีส.ว.ตลอดทั้งในสภา และนอกสภา ยิ่งทำให้ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอใจ หากมีการลงมติในวันนั้นเลย ส.ว.คงจะลงมติไม่เห็นชอบแน่นอน

การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นต้องได้เสียงส.ว.สนับสนุน 84 คน ไม่เช่นนั้นไม่สามารถทำได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้แกนนำพรรคพลังประชารัฐจึงเสนอให้มีการตั้งกมธ.ศึกษาภายใน 30 วัน เพื่อใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับส.ว. ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะได้ไม่ตกไป ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

หากคว่ำยกแรก-รบ.เป็นแพะแน่

นายธนกรกล่าวว่า หากไม่ดำเนินการเช่นนี้คงจะไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เลย ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลเป็นแพะรับบาปอีก ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ได้ขัดข้องอะไรในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นการตั้งกมธ.จะทำให้ส.ว.มีเวลาทำความเข้าใจกับทั้ง 6 ร่างด้วย

ขณะเดียวกัน ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะได้มีเวลาในการทำความเข้าใจกับส.ว.ด้วย ไม่อยากให้พยายามโยงว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่มีใครไปสั่งส.ว.ได้ เห็นได้ชัดเจนว่า ส.ว.เป็นอิสระ ไม่ได้เออออตามรัฐบาล เชื่อว่าหากทุกฝ่ายทำความเข้าใจกันจะสามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ ขณะที่ม็อบนักศึกษานั้นก็ขอให้ใจเย็นๆ มีสติ รออีกไม่นาน แต่เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความรอบคอบ

ภท.ให้อดใจรออีกแค่ 30 วัน

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะกมธ.วิสามัญศึกษาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก่อนลงมติรับหลักการว่า ถือว่าเป็นการดีที่ส.ว.ได้เข้ามาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมาส.ส.ได้มีกมธ.ศึกษาแนวทางแก้ไขมาแล้ว แต่ส.ว.ยังไม่รู้ ดังนั้นต้องเอามาหารือกันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ เชื่อมั่นว่าในท้ายที่สุดส.ว.จะตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าการยื้อเวลาจะทำให้ผู้ชุมนุมออกมาแสดงการต่อต้านมากขึ้นหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า อีกแค่ 30 วันเท่านั้น ขอให้ทุกคนอดใจรอ ต่อข้อถามว่าหากเข้าวาระแรกไม่ผ่าน ต้องล้มเพราะส.ว. นายศุภชัยกล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น และพรรคภูมิใจไทยยืนยันตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เคยประกาศเจตนารมณ์ไปแล้วว่า สนับสนุนให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมา ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

เมื่อถามว่ามีความชัดเจนเรื่องตัวประธานกรมธ.หรือยัง นายศุภชัยกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ โดยคาดว่าจะมีการหารือถึงแนวทางการเลือกประธานกมธ.ในวันที่ 30 ก.ย.

‘นิกร’หวั่นฟางเส้นสุดท้ายขาด

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะในฐานะกมธ.วิสามัญศึกษาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก่อนลงมติรับหลักการ กล่าวถึงการประชุมนัดแรกวันที่ 30 ก.ย.ว่า แม้กมธ.ไม่ครบ 3 ฝ่ายตามข้อบังคับฯ เพราะฝ่ายค้านขอไม่ร่วม แต่เป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาล กับส.ว.ต้องช่วยกันแบกไว้ ซึ่งการชะลอไว้แค่ 30 วันอาจไม่ใช่การเตะถ่วง แต่เป็นการยืดลมหายใจของสถานการณ์ออกไป เพื่อมาคุยกันให้เข้าใจว่า จะเอากันอย่างไร

สิ่งที่ต้องไปอธิบายให้ส.ว.เข้าใจคือสถานการณ์ของประเทศที่มีความน่าเป็นห่วงมากว่าจะหนักถึงขั้นวิกฤต ขณะนี้มีเชื้อจากหลายเรื่องซ้อนกันอยู่ โดยมีเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐที่อาจจะทำให้ประเทศไทยทรุดลงกับพื้นเลยก็ได้ โดยเฉพาะการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค. ที่จะไม่ได้มีแค่ม็อบคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่จะรวมผู้คนฝ่ายประชาธิปไตยมาด้วยมาก ถ้ารัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไขไปบ้าง ความกดดันในเรื่องต่างๆ จะลดลง

ถ้าเป็นไปได้ ควรมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนถึงเวลาจะเกิดเรื่อง เพราะกมธ.สามารถตัดสินใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องศึกษาอะไรกันแล้ว หากไม่รีบตัดสินใจสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องที่เราแบกรับกันไม่ไหว ทั้งรัฐบาลและส.ว.ผู้ยังลังเลอยู่ จะปฏิเสธความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

ส.ว.วันชัยผิดหวังฝ่ายค้าน

ด้านนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมเป็นกมธ.วิสามัญศึกษาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก่อนลงมติรับหลักการ 6 ฉบับว่า ข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อที่ 121 วรรค 3 มีเจตนาให้ทุกฝ่ายหารือร่วมกัน แต่เมื่อองค์ประกอบไม่ครบ ข้อตกลงที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่ทุกฝ่ายต้องการ กลายเป็นการตบมือข้างเดียว ซึ่งอาจจะไม่ค่อยได้ผล และอาจจะก่อให้เกิดปัญหามากกว่าเป็นการแก้ปัญหาจนเวลา 30 วันที่ขยายออกไปอาจเสียเปล่าหรือไม่

ต้องยอมรับว่า ตลอด 2 วันของการอภิปรายในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ตนผิดหวังกับการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านเป็นอย่างมาก ตนไม่โทษพรรคร่วมรัฐบาล หรือส.ว.เลยที่ใช้ข้อบังคับเพื่อขอตั้งกมธ.พิจารณาก่อนรับหลักการ 30 วัน แต่ขอโทษไปที่พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่เป็นเอกภาพ อ่อนแอ ไม่ได้วางยุทธศาสตร์ในการทำงานสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่กระแสการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่กลับไปทำงานเฉพาะหน้า ไม่ได้เตรียมเกมตั้งรับ วางคนไว้สู้เลย ทั้งๆ ที่ก็น่ารู้กันอยู่แล้วว่าจะมีเกมอะไรที่จะเกิดขึ้นจากฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล กับส.ว.บ้าง

ไร้ยุทธศาสตร์-ไม่เป็นเอกภาพ

นายวันชัยกล่าวว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาล กับส.ว.เล่นเกมนี้ตนไม่โทษเขา แต่โทษว่า คู่ต่อสู้ไม่แข็งแกร่ง ซึ่งความล้มเหลวที่ทำให้รัฐธรรมนูญยังนำไปสู่การแก้ไขไม่ได้ ส่วนหนึ่งมาจากความล้มเหลวของฝ่ายค้านที่ไม่เป็นเอกภาพ อ่อนแอเกินไป ไม่เป็นระบบ จนตนผิดหวังมาก ตนนั่งฟังการอภิปรายแล้วยังถามตัวเองอยู่ในใจเลยว่า เฮ้ย ตกลงตั้งใจจะแก้รัฐธรรมนูญกันหรือเปล่า

ที่ผ่านมาตนเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาหลายสมัย ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ทำงานกันอย่างเต็มที่ มียุทธศาสตร์ วางคนวางตัว เตรียมเกมไว้ทุกดอกว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ต้องแก้เกมอย่างไร แต่ฝ่ายค้านชุดนี้ทำงานเฉพาะหน้า คนอภิปรายหลักๆ ก็มีไม่มาก แม้พรรคก้าวไกลจะมีคนบ้าง แต่ประสบการณ์ความเขี้ยวในสภายังอ่อนไป ขณะที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคใหญ่แต่กลับอ่อนแอมากในการทำงานครั้งนี้ ไม่รู้ว่าภายในแตกแยกกันหรือเปล่า จนกระทั่งเป็นข่าวออกมา ทั้งๆ ที่ประชาชนก็สนับสนุน กระแสก็ดี แต่ทำงานไม่ดี ฝ่ายค้านไม่เป็นที่พึ่งเลย เพราะไม่ทันเกม

ฝ่ายค้านเดินหน้าดันฉบับไอลอว์

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมแถลงถึงแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการผลักดันแก้รัฐธรรมนูญในการประชุมรัฐสภาสมัยหน้าเดือนพ.ย. โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้เขาคงต้องรอกมธ.วิสามัญศึกษาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก่อนลงมติรับหลักการ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอ ทั้งที่พรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นผู้เสนอร่าง สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าท่าทีของ ส.ว.ดูเหมือนไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การโหวตครั้งหน้าก็มีโอกาสที่จะล้มอีก นายสมพงษ์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูง เข้าใจว่ายังไม่มีคำสั่งมา พวกนี้ต้องฟังคำสั่ง ซึ่งโอกาสแก้รัฐธรรมนูญก็ลำบาก ขึ้นกับประชาชนว่าจะผลักดันกันอย่างไร ตนไม่อยากไปชี้นำ ฝ่ายค้านทำใจอยู่แล้วว่าถ้า ส.ว.ไม่เล่นด้วย รัฐธรรมนูญก็ไม่มีทางผ่าน แต่เราหวังใจว่า ส.ส.ฝั่งรัฐบาลจะมีส่วนในการแก้รัฐธรรมนูญ และตนยังรอร่างแก้ไขฉบับของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ที่ยังมีโอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อข้อถามว่าฝ่ายค้านได้คุยกันเรื่องการกดดันนอกสภาหรือไม่ นายสมพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่เราฟังเสียงประชาชน เราเข้าใจ

รุมจวกส.ว.รอใบสั่ง

ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า ที่มีการพูดว่าต้องไปทำประชามติก่อนว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ อยากเรียนว่า กมธ.ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มาคุยกัน ซึ่งคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญฉบับเก่า คือรัฐธรรมนูญปี 2550 ในหลักการ ถ้าเรารับวาระ 1-2 แล้ว ในวาระที่ 3 ก็ไปทำประชามติว่าประชาชนจะให้แก้หรือไม่ ดังนั้นข้ออ้างนี้อาจจะเป็นการหาเหตุเพื่อรอผู้มีอำนาจตัด สินใจ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บริหารประเทศ ท่านอยากเข้าสู่ความปรองดอง ยุติความขัดแย้ง แต่วันนี้ศูนย์รวมของความขัดแย้งอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ไม่มองส.ว. ว่าเป็น ส.ว. แต่มองว่าเป็นคนที่รับคำสั่งพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองไปได้ยาก จึงอยากเรียกร้องว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรคิดเอาชนะประชาชน

นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า การอ้างข้อบังคับที่ 121 วรรค 3 เพื่อให้มีการตั้งกมธ.นั้น พี่น้องประชาชนทราบดีว่านี่คือเกม เป็นเล่ห์เพทุบาย การทำแบบนี้ถือว่าเป็นการไปขัดขวางเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนอย่างมาก เป็นอันตราย จะทำให้สภาถึงทางตัน และไม่แก้ปัญหาอะไรเลย และจะทำให้การเมืองนอกสภาทวีความรุนแรง และบ้านเมืองจะประสบความหายนะได้

คาดไม่ถึงจะโดนแหกตา

ส่วนนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า ส.ว.ส่วนใหญ่รับราชการมาจนเกษียณ อย่างน้อยที่สุดต้องคิดถึงบ้านเมือง และประเทศชาติ เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และเขาเองบอกว่าอยากจะแก้ เราจึงเสียเวลาไปนั่งคุยกับเขามาตั้งนาน และอภิปรายไปตั้ง 2 วัน แต่คืนนั้นกลับบ้านไปนอนตาไม่หลับ เพราะโดนแหกตา นี่คือสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ เพราะคุยกันแล้วในคณะกรรมการประสานงาน(วิป) 3 ฝ่าย ไม่ใช่ไม่คุย แต่ยังออกมาแบบนี้ จึงรู้สึกเสียใจจริงๆ และเป็นห่วงบ้านเมืองเพราะเศรษฐกิจจะดิ่งลงไปอีก เนื่องจากความเชื่อมั่นไม่มี

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) กล่าวว่า เชื่อว่าพี่น้องประชาชนได้รับรู้ รับทราบจิตใจ ส.ว. การ กระทำครั้งนี้ท่านไม่ได้มองเห็นหัวประชาชนเลย ทั้งที่รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร ประเทศชาติเสียหายอย่างไร ท่านยังถูไถกันไปว่าไม่รับ ที่ท่านไม่กล้าลงมติ เพราะไม่กล้าออกทีวีให้ประชาชนตรวจสอบว่า ท่านรับหรือไม่รับ อีกประการหนึ่งคือ ท่านไม่มั่นใจว่า ส.ว.ของท่านจะเสียงแตกด้วยซ้ำ ท่านจึงใช้วิธีการตั้ง กมธ.เพื่อเตะถ่วง

เมื่อถามถึงประเด็นที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่ารัฐมนตรีที่เป็นส.ส.ร่วมลงมติตั้งกมธ.ในที่ประชุมรัฐสภาอาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 163 จะขยายผลต่อหรือไม่ อย่างไร น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ต้องรอประชุมพรรคในสัปดาห์หน้า และจะนำเข้าสู่ที่ประชุม 6 พรรคฝ่ายค้านในอาทิตย์ถัดไป

ห่วงเศรษฐกิจไทยติดลบหนัก

เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ฝ่ายค้านร่วมเวทีเสวนา “ฝ่ายค้านรับฟัง 4 กลุ่มเปราะบางจากวิกฤตโควิด” เวทีที่ 4 : ความเดือดร้อนภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ของตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยใน 5-6 ปีที่ผ่านมา ไม่โต เหตุที่เศรษฐกิจไม่โตและเงินหาไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจหยุดนิ่ง ขณะนี้จะมีการว่างงานถึง 11.8 ล้านคน หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารกำไรลดลง รัฐบาลต้องเลิกโกหก ถ้าประเทศไทยดีกว่าประเทศอื่น แม้ประเทศอื่นจะติดลบด้านเศรษฐกิจ แต่ของไทยติดลบทางเศรษฐกิจช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา

สำหรับแนวทางที่จะเสนอรัฐบาล คือต้องเร่งสร้างความมั่นใจ พ.ร.ก.ซอฟต์โลนต้องทำให้เกิดการจ้างงาน รัฐบาลต้องหารายได้เพิ่มนอกจากเงินภาษี ถ้าแจกเงินอย่างเดียวเศรษฐกิจจะไม่โต โดยเฉพาะพื้นที่ไทยทับซ้อนกับเขมร มีพื้นที่ก๊าซอยู่ อีกทั้งต้องมีการปรับงบประมาณ ต้องเลิกซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะงบประมาณของทหาร

แฉ6ปีถลุงงบแล้ว 20 ล้านล้าน

ด้านน.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในสมัยประชุมรัฐสภาสมัยหน้า พรรคก้าวไกลจะยื่นล่ารายชื่อภาคประชาชน 50,000 รายชื่อร่วมกับร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนของไอลอว์ เพื่อเสนอเข้าสู่รัฐสภาในการปิดสวิตช์ ส.ว.ต่อไป

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า วันนี้ต้องลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะค่าไฟ วันนี้ถ้าจะแก้ปัญหาต้องกระจายอำนาจ กระจายทรัพยากรไม่ให้รวมศูนย์กลาง เบี้ยประชุมกรรมการกฤษฎีกาที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ประชุม 1 ปี มีเบี้ยประชุม 110 ล้านบาท เป็นงบประมาณมากกว่า อบต. และวิจัยโควิด-19 โดยให้ความมั่นคงของรัฐ จะออกกฎหมายอะไรก็ได้ให้อำนาจของรัฐมีอยู่ ไม่ไว้ใจประชาชน

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีวิธีแก้ปัญหา นอกจากแจกเงินที่แจกไม่เป็น แจกตอนใกล้หาเสียง และเงินก็ไหลไปที่กระเป๋าเจ้าสัว ใน 6 ปีที่ผ่านมามีการใช้เงินกว่า 20 ล้านล้านบาท ใช้แล้วเศรษฐกิจก็แย่ลง เป็นรัฐบาลที่กู้เงินเยอะที่สุด และไม่คิดว่ามาก่อนว่าจะมีผู้บริหารห่วยแตกขนาดนี้

สมัชชาคนจนอัดสภาดองกม.

ต้อง‘ส.ส.ร.’ – บรรยากาศประชาชนร่วมกิจกรรมมินิคอนเสิร์ตและพีเพิลทอล์ค หัวข้อ ‘ประชาชนถึงสภาร่างรัฐธรรมนูญ’ ที่ลานอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว มีผู้ร่วมงานจำนวนมาก เมื่อ 26 ก.ย.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว คณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) จัดกิจกรรมตลาดนัด “งานสภากับประชาชน” โดยมีการเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ “ประชาชนกับสภา”

นายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน กล่าวว่า สมัชชาคนจนใช้กลไกรัฐสภาเข้าชื่อในการเสนอกฎหมาย เมื่อรวบรวมรายชื่อเสนอกฎหมายได้แล้ว มักเจอปัญหาดึงเรื่องเอาไว้ก่อน เพื่อรอร่างกฎหมายของรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลเป็นร่างหลัก ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของเรา เมื่อกฎหมายออกมาก็ผิดวัตถุประสงค์ในการใช้งาน หรือบางครั้งกฎหมายถูกตีตกไป

ปัญหาต่อมาคือถ้าสภายังไม่อยากพิจารณาก็เลื่อนไปเรื่อยๆ ส่วนกลไกการยื่นเรื่องต่อกมธ. พบว่ามีคนหลายกลุ่มที่ยื่นเรื่องร้องเรียนเช่นเดียวกัน ทำให้เรื่องถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ อีกทั้งกระบวนการในกมธ.ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แต่เป็นการเล่นเกมการเมืองทางการเมือง ซึ่งชาวบ้านรู้ว่าเราไปใช้กลไกสภาเพื่ออะไร แต่เราไม่รู้เลยว่าตอนกลับเราได้อะไร

ไอลอว์ปลุกจับตา‘ชวน’

ด้านน.ส.ชุมาพร แต่งเกลี้ยง คณะรณรงค์สมรสเท่าเทียม กล่าวว่า เมื่อมีการเสนอกฎหมาย ระดมความคิดเห็นต่างๆ สภาควรต้องพร้อมส่งเสียงหรือแม้จะต้องจ่ายค่าสื่อโฆษณาเพื่อให้มีคนมาร่วมรับฟังความคิดเห็นก็เป็นเรื่องที่ควรต้องทำ เพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่าเรากำลังจะมีกฎหมายอะไร

ด้านนายณัชปกร นามเมือง โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวว่า ทราบว่าขั้นตอนในการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบรายชื่อ ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่าใช้เวลาแค่ 15 วัน โดยระดมเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คน มาตรวจนับรายชื่อ ดังนั้น ร่างประชาชนจะต้องไปต่อ และตนจะจับตา ท่านจะเลื่อนไปอีก 8-9 เดือนเราก็รอได้ แต่ประชาชนจะรอท่านหรือเปล่านั้นพวกตนไม่รู้

“ร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนจะตกหรือไม่ตก ขึ้นอยู่กับนายชวน ว่าจะบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมหรือไม่ จึงขอเชิญชวนประชาชนจับตาดู ท่านมีเวลาอย่างน้อย 1 เดือน คิดให้ถี่ถ้วนว่าจะหยิบยกร่างของภาคประชาชนมาพิจารณาร่วมกับ 6 ญัตติด้วยหรือไม่ ยืนยันว่า ร่างของประชาชนจะต้องไปต่อ และเราต้องร่วมกันจับตามอง” นายณัชปกร กล่าว

นางนภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกอายมากเพราะได้รับเลือกมา แต่ประชาชนยังไม่ได้รับการบริการในกลไกรัฐสภาที่ดี ปัญหาที่ถูกสะท้อนมานั้น สภาจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าหากไม่ทำตนจะทำเอง โดยจะจัดตั้งหน่วยรับเรื่องขึ้นมา แล้วนำไปประสานกับกมธ.อื่นๆ ให้ และถ้ากมธ.นั้นๆ ไม่ทำ ดองเรื่องไว้จะต้องชี้แจงให้ได้ว่าทำไมเรื่องถึงไม่เดินหน้า ตรงนี้จะต้องช่วยกันกระตุ้นว่าเป็นเพราะอะไร และเพราะใคร

โพลซัดม็อบ 19 ก.ย.ซ้ำเติมศก.

วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ม็อบ 19 กันยายน กับ การซ้ำเติม กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,119 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 21-25 ก.ย.2563 พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 89.9 ระบุ ม็อบ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ขณะที่ร้อยละ 10.1 ระบุไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

ที่น่าเป็นห่วง คือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 91.2 ระบุ ม็อบ 19 ก.ย.ซ้ำเติมวิกฤตชาติและซ้ำเติมวิกฤตความเดือดร้อนของประชาชน ขณะที่ ร้อยละ 8.8 ระบุไม่ซ้ำเติม ร้อยละ 92.0 ระบุ ม็อบและกลุ่มผู้สนับสนุนกำลังสร้างความแตกแยกและทำลายรากฐานของประเทศตนเอง ขณะที่ร้อยละ 8.0 ระบุไม่สร้างความแตกแยก

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 92.0 ระบุ ใครผิดว่าไปตามผิด จัดการตามกฎหมาย แกนนำม็อบและกลุ่มผู้สนับสนุน ไม่ให้มีการลอกเลียนแบบทำผิดซ้ำ ขณะที่ร้อยละ 8.0 ระบุไม่ต้องจัดการ

จี้ยุบพรรคหนุนหลังชุมนุม

ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 91.2 ระบุ ควรลงโทษสูงสุด ยุบพรรคการเมืองที่มีนักการเมืองหนุนหลังการชุมนุมล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติ ขณะที่ร้อยละ 8.8 ระบุ ไม่ควร ส่วนใหญ่ร้อยละ 96.1 ระบุ เห็นด้วยว่าไม่รักแต่อย่าทำลาย ความรักความสามัคคีของคนในชาติ ห้ามล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติเพราะเป็นเรื่องจำเป็นต่อความสงบสุขของบ้านเมือง ขณะที่ร้อยละ 3.9 ระบุไม่เห็นด้วย

นายนพดลกล่าวว่า ม็อบ 19 ก.ย. ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วไป เพราะเป็นการชุมนุมที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการชุมนุม ตรงกันข้ามประชาชนทั่วไปกลับเล็งเห็นว่าการชุมนุมกำลังนำไปสู่ความแตกแยก ทำลายความรักความสามัคคีของคนในชาติ กำลังล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติที่เป็นเรื่องจำเป็นต่อความสงบสุขของบ้านเมือง

ถ้าบ้านเมืองไม่สงบสุขมั่นคง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ทุกกลุ่มผลประโยชน์จำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลม ส่งตัวแทนเข้าเจรจาหาข้อยุติอย่างเร่งด่วน เพื่อสกัดกั้นความรุนแรงบานปลายที่อาจเกิดขึ้นจนยากเกินเยียวยาได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน