หมอตุลย์-กปปส.โผล่สวนลุม
นัดฮือสถานทูตญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส
วืดประกัน-‘อานนท์’นอนคุก

นำทีมด้วยตัวเอง ‘ทยา ทีปสุวรรณ’ เมียรัฐมนตรี ประกาศระดมม็อบสวมเสื้อเหลืองชุมนุมสวนลุมพินี ปกป้องสถาบัน ด้าน‘หมอตุลย์’ก็นำกลุ่มเสื้อหลากสีร่วมด้วย รวมถึง‘สาธิต เซกัล’อดีตนกหวีดกปปส. และ‘นพ.วรงค์’ แห่งกลุ่มไทยภักดีด้วย ด้าน‘ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ’ป้องเมีย อ้างไปคนเดียว เดี๋ยวเดียวก็กลับ ซัดสาเหตุม็อบมาจากความไม่พอใจข้อเรียกร้องของราษฎร ศาลไม่ให้ประกันตัว ‘อานนท์’ ส่งตัวเข้าเรือนจำ นอนคุกลาดยาวต่อ ขณะที่ทนายความเตรียมยื่นขอปล่อยตัวอีกครั้ง เครือข่ายรามคำแหงชุมนุมจี้คดีกลุ่มเสื้อเหลืองทำร้ายนักศึกษา

คุมตัวอานนท์ถึงสน.ชนะฯ

เมื่อเวลา 05.15 น. วันที่ 27 ต.ค. พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม คุมตัวนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนที่ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำจังหวัดเชียงใหม่เดินทางมาถึงสน.ชนะสงครามแล้ว โดยมีทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 2 คนเดินทางมาด้วย โดยนายอานนท์อยู่ระหว่างการพักผ่อนหลังการเดินทางระยะยาว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะคุมตัวนายอานนท์ไปฝากขังที่ศาลอาญา

ฝากขัง – ตำรวจสน.สำราญราษฎร์คุมตัวนายอานนท์ นำภา ไปฝากขังต่อศาลอาญา ในคดีความผิดชุมนุมและคดีปักหมุดที่สนามหลวง เมื่อ 19 ก.ย. หลังไปอายัดตัวจากเรือนจำเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.

นายวีรนันท์ ฮวดศรี ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า ตำรวจต้องนำตัวนายอานนท์มาสอบสวนที่สน.ชนะสงคราม ตามที่ระบุในหมายจับ หากนำไปสอบสวนที่อื่นจะเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ซึ่ง ขั้นตอนปกติตำรวจจะทำสำนวนสอบสวนและส่งฝากขังศาลอาญา เบื้องต้นนายอานนท์ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ทีมทนายเตรียมยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังเนื่องจากไม่มีเหตุจำเป็นต้องควบคุมตัว แต่หากศาลรับฝากขังจะใช้เงินจากกองทุนในการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว

ตร.เตรียมนำฝากขังศาลอาญา

พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม กล่าวว่าพนักงานสอบสวนคุมตัวนายอานนท์ไปสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แต่นายอานนท์ไม่ยินยอมให้การใดๆ ตำรวจจึงคุมตัวกลับมาที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อเตรียมสอบปากคำอีกครั้ง ก่อนจะนำตัวส่งศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ดำเนินการฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป

สำหรับนายอานนท์ได้รับการปล่อยชั่วคราวตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 จากกรณีจัดชุมนุมที่ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ในฐานความผิดยุยงปลุกปั่น โดยศาลสั่งปล่อยแบบไม่มีเงื่อนไข และทนายวางหลักทรัพย์ 2 แสนบาทต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่เพื่อประกันตัวออกมา แต่กลับถูกตำรวจ สน.ชนะสงคราม อายัดตัวตามหมายจับศาลอาญาในข้อหายุยงปลุกปั่น จากกรณีปราศรัยจัดกิจกรรมปักหมุดคณะราษฎรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า หลังจากนายอานนท์ถูกควบคุมตัวจากจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนก็นำตัวมาที่สน.ชนะสงคราม ทันที ตามคำสั่งศาลในหมายจับว่า หลังจากจับกุมผู้ต้องหาแล้วให้นำตัวไปสอบปากคำดำเนินคดีที่สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำ โดยนายอานนท์ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ได้มีอาการเครียดแต่อย่างใด เมื่อเช้าก็ยังกินกาแฟ หมูปิ้ง ซึ่งหลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จก็จะนำตัวส่งฝากขังที่ศาลอาญา ซึ่งทางเราเตรียมใช้ตำแหน่ง ส.ส., อาจารย์ และเงินสด ไว้ยื่นขอประกันในชั้นศาลต่อไป นอกจากนี้ จะยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังเนื่องจากไม่มีเหตุจำเป็นต้องควบคุมตัว อีกทั้งทนายอานนท์ยังได้รับว่าความในคดีต่างๆ ให้กับประชาชนไว้หลายราย ซึ่งทนายอานนท์ก็ได้ขอเลื่อนออกไปหลายคดีแล้วเกรงจะมีผล กระทบต่อลูกความที่ว่าจ้างให้ทนายอานนท์ช่วยดูแลคดีด้วย

เปิดคลิปให้มวลชนต่อสู้ต่อไป

เมื่อเวลา 11.20 น. นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ กล่าวว่า ได้เข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจนายอานนท์ ตอนนี้เจ้าตัวมีกำลังใจดี มีกำลังใจเต็มที่ พร้อมฝากให้คนข้างนอกสู้ต่อไป โดยตอนนี้มีทนายอยู่เป็นพยานในการสอบปากคำอยู่ตลอด ทั้งนี้ ทราบว่านายอานนท์ยังมีคดีความกรณีการชุมนุมปิดทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมาด้วย ตอนนี้เจ้าตัวไม่ได้ระบุแนวทางหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อ แต่ในส่วนตนเองขอฝากไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าต้องลาออก เพื่อนำไปสู่การยุบสภาและแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้ทุกอย่างกลับสู่ปกติ ที่บอกว่าถอยคนละก้าวแต่ตามจริงจับเด็กแล้วปล่อยแบบนี้ ขอให้หยุดหลอกลวงประชาชนได้แล้ว

นพ.ทศพรเปิดเผยว่า ตนได้ถ่ายคลิปวิดีโอของนายอานนท์แล้วมาเผยแพร่ให้สื่อสารมวลชนได้เห็น โดยนายอานนท์มีสีหน้าสดใส ไม่มีความเครียดแต่อย่างใด พร้อมพูดว่า “ผมสบายดี ขอให้คนข้างนอกสู้ต่อไป ผมอาจจะอยู่ข้างในสักพัก การขังไม่มีผลต่อพวกผม เพราะเราเกิดมาเพื่อสู้”

เผยคดีใหม่ที่โดน-มาตรา 116

ต่อมาเวลา 12.40 น. พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม ได้นำตัวนายอานนท์ นำภา ไปขออนุญาตฝากขังที่ศาลอาญา โดยนายอานนท์กล่าวสั้นๆ ว่า “สบายดี ไม่มีความกังวลอะไร ขอให้สู้กันต่อไป”

นายกฤษฎางค์กล่าวว่า นายอานนท์ถูกดำเนินคดีอีก 2 คดี คดีแรกกรณีการชุมนุมปราศรัยร่วมกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 19-20 ก.ย. แจ้งข้อหาตาม ม.116, ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต, ความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.บ.ควบคุมโรค และฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

คดีที่ 2 คือคดีที่กรมศิลปากรและกทม.แจ้งความกรณีวางหมุดคณะราษฎร ฐานร่วมกันทำลายให้เสียทรัพย์ซึ่งโบราณสถาน ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน ซึ่งพนักงานสอบสวนคัดค้านประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากมีความผิดหลายท้องที่ เกรงจะหลบหนีและก่อให้เกิดความวุ่นวายอีก ซึ่งทีมทนายได้เตรียมยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินประกันในชั้นศาล ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลว่าจะอนุมัติหรือไม่ ส่วนกรณีการชุมนุมปิดทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 ต.ค.นั้น ตำรวจยังไม่แจ้งข้อหา แต่คาดว่าคงกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน

ตร.ยื่นค้านประกัน‘อานนท์’

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สน.ชนะ สงคราม นำตัวนายอานนท์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1588/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค.2563 ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3), 215 วรรคแรก, 385, 83, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.จราจรทางบก และพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.-7 พ.ย. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น รอผลตรวจสอบประวัติอาชญากร และผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนค้านประกันตัว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์จะไปชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองในลักษณะเดิมเหมือนที่ผ่านมา และผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่หลายคดีและหลายท้องที่ ซึ่งล้วนเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี

ศาลไม่ให้ประกัน-นอนคุกต่อ

ต่อมาเวลา 15.30 น. ทนายความของ ผู้ต้องหาได้ยื่นคัดค้านการฝากขังและเตรียมเงินสด 2 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัว

เวลา 16.50 น. ศาลพิจารณาถึงเหตุแห่งความจำเป็นแล้ว ได้อนุญาตฝากขังผู้ต้องหาครั้งแรกเป็นเวลา 7 วัน ส่วนการยื่นการประกันตัว ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งข้อหาแล้ว เห็นว่าหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวอาจไปก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายต่อบ้านเมืองขึ้นอีก ตลอดจนพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้อง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้ควบคุมตัวนายอานนท์ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในชั้นฝากขังนี้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย. ในส่วนของนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน และน.ส.ปนัสยาหรือรุ้ง แกนนำ ผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 วันนี้พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้ยื่นฝากขังครั้งที่ 2 เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น โดยศาลอนุญาตให้ฝากขังครั้งที่ 2 นี้ เพียง 5 วันตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.-1 พ.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ศาลอนุญาตเพียง 7 วัน จากที่พนักงานสอบสวนส่งคำร้องขอ 12 วัน

ทนายเตรียมยื่นประกันอีก

ต่อมาในช่วงเย็น นายกฤษฎางค์ กล่าวภายหลังศาลอาญาไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวนายอานนท์ว่าวันนี้ เราจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลอาญาที่ไม่ให้ประกันตัวเนื่องจากมองว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งอนุญาตประกันตัวนายอานนท์ในข้อหาเดียวกันกับที่สน.ชนะสงครามเเละค้านประกันเหมือนกันกับคดีที่มาฝากขังในวันนี้มาเเล้วโดยศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้เหตุผลว่า นายอานนท์เป็นทนายความ มีอาชีพแน่นอน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เเละโทษซึ่งเป็นมาตราเดียวกันกับคดีนี้ไม่สูง ปล่อยตัวไปจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน เราจะเทียบให้เห็นว่าข้อวินิจฉัยของศาลอุทรณ์ภาค 5 มันมีความเหมาะสม สมเหตุสมผลในการปกป้องสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ถูกกล่าวหาและยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด เพื่อให้ได้มีโอกาสได้รับการปล่อยชั่วคราว

นายกฤษฎางค์ยังกล่าวถึงคดีที่ศาลนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ลศ. 9/2563 ที่ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหานายพริษฐ์ หรือเพนกวินผู้ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดอำนาจศาล กรณีเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 8 ส.ค.2563 บริเวณหน้า มุกบันไดทางขึ้นศาลอาญา ซึ่งระหว่างนั้น นายพริษฐ์ หรือเพนกวินได้ยืนขึ้นตะโกนส่งเสียงดัง และใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณา เพื่อชักชวนให้บุคลอื่นๆเดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาล รวมทั้งการถ่ายทอดสด (ไลฟ์สด) ภาพและเสียงเหตุการณ์การชุมนุมในบริเวณศาลผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดียและสื่อต่างๆ ว่าพรุ่งนี้จะมีการนัดไต่สวนพยานฝ่ายผู้กล่าวหาเเละจะมีการเบิกตัวเพนกวินมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 28 ต.ค.ที่จะมีการไต่สวนนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ละเมิดอำนาจศาล จะมีการออกหมายเรียกนายอานนท์จากเรือนจำในฐานะทนายความมาว่าความด้วยเนื่องจากตัวนานอานนท์เองยังไม่ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่าความยังสามารถว่าความตามกฎหมายได้อยู่

‘อั๋ว’โดนหมายเรียกคดีปทุมวัน

วันเดียวกัน น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เปิดเผยว่า มีหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ให้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มั่วสุมชุมนุม กรณีชุมนุมที่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2563

น.ส.จุฑาทิพย์กล่าวต่อว่า เรียกที่เราเข้าร่วมชุมนุมวันที่ 16 ต.ค. 2563 ที่แยกปทุมวัน วันเดียวกับที่รัฐเอาน้ำและแก๊สน้ำตามาสลายผู้ชุมนุม ในหมายบอกว่าพวกเราฝ่าฝืนกฎหมาย เราไปใช้สิทธิเสรีภาพเรียกร้องกฎหมายที่เป็นธรรมต่อมนุษย์ กลับกันรัฐใช้ทุกช่องทางในการสกัดกั้นการแสดงออกอันดีที่เรามุ่งหวังต่อประเทศ อีกทั้งยังใช้ความรุนแรง ขอประณามการคุกคามและการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ การต่อสู้ครั้งนี้ ต้องจบในรุ่นเรา

บช.น.ลั่นดำเนินคดีหน้าสถานทูต

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ดูแลงานจเรตำรวจ เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้าสถานทูตเยอรมันว่า กรณีดังกล่าวสถานีตำรวจนครบาลที่รับผิดชอบได้รวบรวมพยานหลักฐานบริเวณดังกล่าว คาดว่าเร็ววันนี้จะแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนภาพรวมของการชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมานั้น พบการกระทำความผิดตั้งแต่การรวมตัวกันที่บริเวณสามย่านมิตรทาวน์ พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผกก.สน.ปทุมวัน ได้แจ้งให้ยุติการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมก็ยังฝ่าฝืน มีการชุมนุมต่อเคลื่อนขบวนตามถนนพระราม 4 จนถึงแยกวิทยุและเลี้ยวเข้าถนนสาทรใต้ ชุมนุมต่อหน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี กรณีดังกล่าวมีการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวโดยตลอด

เบื้องต้นก็มีความผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะส่วนหนึ่ง ส่วนความผิดอื่นๆ ในการขึ้นเวทีปราศรัยในแต่ละส่วน ถ้ามีการยุยงก่อให้เกิดความวุ่นวายก็เป็นความผิดอีกส่วนหนึ่ง หรือหมิ่นประมาท ให้ร้ายหรือประทุษร้าย ก็จะเป็นความผิดเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากการกระทำผิดดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดต่อเนื่องกัน ตั้ง สน.ปทุมวัน สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.ลุมพินี บางส่วน ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมันก็ไม่ได้มีข้อกังวลอะไรกับตำรวจแต่อย่างใด ขอบคุณการดูแลพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลบริเวณ ดังกล่าว กลุ่มชุมนุมขวางทางเข้าออกเพียงเท่านั้นไม่ได้มีการประทุษร้ายกับเจ้าหน้าที่สถานทูตแต่อย่างใด

‘อุ๊’ประท้วงหน้าสถานทูตมะกัน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน “อุ๊” หฤทัย ม่วงบุญศรี อดีตนักร้อง ได้เดินทางไปที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ถนนวิทยุ โดยเปิดเผยว่า เดินทางมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าต้องการให้เคารพกิจการภายในประเทศไทย ซึ่งไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ผ่านมา ไทยเป็นมิตรประเทศกับสหรัฐมาโดยตลอด ซึ่งวันนี้คนไทยแตกแยกทางความคิดมาก หากเป็นเรื่องการเมืองไม่เป็นไร แต่วันนี้ความมั่นคงสถาบันถูกนำมาโยงกับการเมือง อ้างว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารนั้นไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องบิดเบือน การปฏิวัติที่ผ่านมา เพราะต้องการให้นักการเมืองไทย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่เมื่อนักการเมืองที่มาจากประชาธิปไตย ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ทหารจึงต้องออกมา เพราะต้องการคืนความสงบ

“ปัจจุบันมีการโยงสถาบันมาโจมตี เพื่อให้คนไทยนั้นแตกแยก เราจะไม่มีการปะทะ แต่จะรวมมวลชน เพื่อไม่ให้เกิดการจาบจ้วงอีกต่อไป โดยเร็วๆ นี้ จะรวมมวลชนเพื่อปกป้องสถาบันเป็นจำนวนมาก ทั่วประเทศ ทั่วทั้งแผ่นดิน ซึ่งในวันนี้เราต้องการมาพูดหน้าสถานทูต และชูป้ายเพื่อบอกโลก ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่สามารถให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงได้” อุ๊-หฤทัยกล่าว

‘ทยา’นำม็อบเสื้อเหลืองชุมนุม

เมื่อเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นัดจัดกิจกรรมร่วมใจคนไทยใส่เสื้อสีเหลืองถือพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ในเวลา 17.00 น. ที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เพื่อแสดงจุดยืน เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้น

ป้องสถาบัน – ประชาชนสวมเสื้อเหลืองชุมนุมปกป้องสถาบันที่ลานพระบรมรูป ร.6 สวนลุมพินี โดยการนัดหมายของนางทยา ทีปสุวรรณ ภริยารมว.ศธ. บรรดาแกนนำ อาทิ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม มากันพร้อมหน้า เมื่อ 27 ต.ค.

ก่อนเวลานัดหมาย พบว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่ง พากันสวมเสื้อสีเหลืองทยอยมาชุมนุม โดยมีชูพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมถือธงตราสัญลักษณ์ ว.ป.ร. ธงชาติ ที่มีการประดับด้วยริบบิ้นธงชาติ ที่คาดผมธงชาติ และร่มธงชาติ ทั้งนี้ ประชาชนต่างตะโกนว่า เรารักพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ เรามาด้วยใจ มาแสดงออกเพื่อปกป้องสถาบัน เราจะสู้ไปด้วยกัน ไม่ต้องการให้ใครมาจาบจ้วงสถาบัน หากอยากอยู่ประเทศไทยอย่าคิดล้มสถาบัน

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว จะเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น. โดยมีนางทยา เป็นแกนนำ

หมอตุลย์-เสื้อหลากสีโผล่ด้วย

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สวนลุมพินี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง นำโดยนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี มารวมตัวกันที่บริเวณด้านในสวนลุมพินี บริเวณฝั่งถนนพระราม 4 พร้อมกับมาร่วมร้องเพลงพระราชนิพนธ์เสียงดังดึกก้อง เพื่อแสดงจุดยืนว่าปกป้องสถาบัน ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกฝั่งหนึ่ง จะแสดงจุดยืนที่แตกต่างกัน ทางกลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองก็จะออกมาแสดงจุดยืนแบบนี้ต่อไป

สำหรับการชุมนุมในวันนี้ แกนนำระบุเป็นการขออนุญาตชุมนุมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

‘สาธิต เซกัล’กปปส.ก็ด้วย

นพ.ตุลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมวันนี้เป็นการเตือนสติเยาวชนไม่ให้ออกมาชุมนุม ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดการเผชิญหน้า ปะทะกัน ขอให้น้องๆ กลับบ้าน ฟังเสียงคนไทยทั้งชาติที่ไม่ได้มีแต่น้องๆ เพียงกลุ่มเดียว การที่ออกมายื่นคำขาดเหมือนเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งควรจะไปยื่นกับพ่อแม่ที่บ้านตัวเอง การออกมาชุมนุมเรียกร้องแล้วบอกว่าตัวเองเป็นใหญ่ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง เพราะยังมีคยไทยที่รักชาติและในหลวงอยู่ทั่วประเทศ และมีมากกว่า 90% ทั้งนี้การที่เรียกร้องให้นายกฯ ลาออกคงไม่เป็นไร แต่ขออย่ามาย่ำยีหัวใจคนไทย โดยการใช้คำหยาบคาย หากอยากบอกอะไรก็ให้ทำหนังสือไป เราเชื่อว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองท่านเข้าใจดี อย่างไรก็ตามยืนยันว่าขอให้น้องๆ กลับบ้านและไปค้นคว้าหาข้อมูล อย่าไปเชื่อคนที่วิจารณ์

ด้านนายสาธิต เซกัล อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวว่า การออกมาเรียกร้องโดยใช้คำหยาบคายเป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่จะเรียกว่าปัญญาชน โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้คือการจาบจ้วงสถาบัน ยืนยันว่าประชาชนส่วนใหญ่ในราชอาณาจักรไทยยังเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ถ้ามีความขัดแย้งก็ว่ากันไปอย่าถึงสถาบันเข้ามาเกี่ยว

ณัฏฐพลป้องเมีย-ชี้ไปโดยลำพัง

ขณะที่ นางทยาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า “หลายคนเขียนมาถาม วันนี้ที่สวนลุมฯจะมีโปรแกรมยังไง ใครเป็นคนนำ มีกิจกรรมอะไร ขอตอบทางนี้ว่าการที่ ทยา ลงโพสต์ว่าจะไปร่วมชุมนุม ไม่ได้หมายความว่า ทยาเป็นแกนนำมวลชน ความตั้งใจวันนี้เพียงแต่จะไปร่วมแสดงพลังคนรักสถาบัน ไม่ต้องการม็อบชนม็อบ ไม่ต้องการความรุนแรง ไปด้วยความสงบ สันติ เราจะเป็น 1 ในหลายๆ คนที่ไปร่วมแสดงจุดยืน ว่าพวกเราไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่จาบจ้วงสถาบัน และจะร่วมปกป้องสถาบันสูงสุดให้คงอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป”

ด้านนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวกรณีนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยา นัดรวมตัวคนเสื้อเหลืองแสดงพลังปกป้องสถาบัน ที่ลานพระบรมรูป ร.6 สวนลุมพินี ว่า ภรรยาของตนไปในฐานะประชาชนคนหนึ่งและไปคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการไปจัดการอะไร แต่คนที่เขาติดตามทางโซเชี่ยลที่มีอยู่พอสมควร เมื่อทราบจึงไปรวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนปกป้องสถาบัน เสร็จแล้วก็สลายแยกย้ายกลับ ไม่ยืดเยื้อ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรน่ากังวล

ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลเรื่องการเผชิญหน้าของผู้ชุมนุม 2 ฝ่าย นายณัฏฐพลกล่าวว่า ก็เห็นว่าหลบ เลี่ยง กันอยู่ และเวลานี้สภาเป็นทางออกที่ดี เริ่มมีแนวทางชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนหน้านั้นก็เห็นชัดว่ามีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเป็นทางออก ส่วนคนอื่นจะกดดันแค่ไหนตนไม่ทราบ

“อยากให้มองไปที่จุดเริ่มต้นที่ฝ่ายเรียกร้องให้ปฏิรูปออกมาแสดงท่าที ก็อาจจะทำให้คนที่รักและไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงต้องออกมา เพื่อบอกจุดยืนเขาเช่นกัน” นายณัฏฐพลกล่าว

หมอวรงค์ก็โผล่นัดแถลงข่าว

ที่สวนลุมพินี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี กล่าวว่า การมารวมตัววันนี้เพื่อให้รับรู้ว่ามีคนที่จงรักภักดีนี้มากที่สุดในประเทศ แสดงออกด้วยความสงบและสันติ เพื่อปกป้องและให้กำลังใจพระมหากษัตริย์ ไม่มีความคิดจะปะทะ ขอให้ผู้ชุมนุมไปร่วมฟังในวันเสาร์ที่ 31 ต.ค.ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี ประมาณ 09.00 น. เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องทั้งประเทศในการแถลงเหตุผลคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

จากนั้นเวลา 18.30 น. แกนนำกลุ่มคนเสื้อเหลืองได้ยุติการทำกิจกรรม พร้อมประกาศให้ร่วมเก็บขยะ และไม่ขีดเขียนในพื้นที่ และวันที่ 28 ต.ค. นัดรวมตัวเวลา 17.00 น. ที่วงเวียนใหญ่ ส่วนการเดินทางไปยังสถานทูตญี่ปุ่นและฝรั่งเศส ยังไม่ระบุวัน เนื่องจากต้องรอประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน พร้อมขอให้ติดตามการนัดชุมนุมจุดสำคัญที่ตึกไทยซัมมิท จากนั้นก็ทยอยกันกลับ

เครือข่ายรามจี้คดีทำร้ายน.ศ.

ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก นายนันทพงศ์ ปานมาศ พร้อมด้วยนายกฤษณะ ไก่แก้ว ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นำมวลชนนักศึกษา และศิษย์เก่ารามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อทวงถามความคืบหน้าและการดําเนินการของมหาวิทยาลัยกรณีมีการทําร้ายนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ชุมนุมภายในมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 21 ต.ค.

นายนันทพงศ์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมานานกว่า 1 สัปดาห์ไม่มีความคืบหน้า หนำซ้ำไม่ได้รับการปกป้อง หรือความยุติธรรม จากสถาบัน ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกวันนี้พวกเรารู้สึกอึดอัดเพราะรู้ดีว่าผู้กระทำเป็นใคร เป็นผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น บางคนเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงที่เคยก่อเหตุตบตีนักศึกษา ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงทำงานอยู่และได้มาก่อเหตุอีก ลองคิดดูว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว เส้นใหญ่ขนาดไหนถึงได้กระทำการลักษณะดังกล่าวถึงสองครั้งสองครา เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้แค่ส่งผลให้นักศึกษารามคำแหง ได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำร้ายร่างกายเท่านั้น ยังมีคนที่มาฟังการปราศรัย ซึ่งเป็นเด็กมัธยมถูกทำร้ายร่างกายด้วย ส่วนตัวไม่เข้าใจว่าที่กล่าวอ้างว่าน้องมัธยมไปทำสายตาล้มล้างสถาบันใส่ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าสายตาแบบนี้เป็นอย่างไร

นายนันทพงศ์กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกลุ่มได้ติดตามทวงถามความคืบหน้าตลอด รวมทั้งขอดูภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าทางมหาวิทยาลัยยังไม่ส่งมาให้ ซึ่งเป็นการโยนเรื่องกันไปมา อย่างไรก็ดี หลังเกิดเรื่องก็มีโทรศัพท์มาข่มขู่ ซึ่งมีคลิปเสียงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหลังจากนี้จะเดินทางไปสน.หัวหมาก เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี เนื่องจากผกก.สน.หัวหมากออกมาเปิดเผยว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าภาพข่าวในสังคมออนไลน์มีมากมาย เหตุใดถึงบอกว่าหลักฐานไม่เพียงพอ

จี้ไล่ออก‘สมเดช’คนร่วมก่อเหตุ

ขณะที่รศ.อดุลย์ ตะพัง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยมอบหมายให้ตนเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเร่งเยียวยาคนเจ็บ ส่วนจะมีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ในส่วนนี้คงต้องสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป

จากนั้น ได้ยื่นหนังสือถึงอธิการบดี ให้ดำเนินการดังนี้ คือขอให้มหาวิทยาลัยไล่นายสมเดช คงวิจิตร์ ออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากมีส่วนในการทําร้ายนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง สําหรับบุคคลที่ได้ทําร้ายนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ภายในมหาวิทยาลัย หรือผู้บริหารมหาวิทยาลัยมีความเกรงกลัวต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว ที่มีความเชื่อมโยงกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางคน

ส่วนผู้บาดเจ็บจะไม่รับการช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยในเรื่องค่ารักษาพยาบาล จนกว่าผลการดําเนินการของมหาวิทยาลัยจะเป็นรูปธรรม และเป็นที่พอใจ เพราะไม่ต้องการเป็นข้อกล่าวอ้าง สร้างความชอบธรรมให้กับ ผู้บริหารมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามเครือข่ายรามคําแหงเพื่อประชาธิปไตย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัย มีความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เกรงกลัวต่อกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์ หรือมีความสัมพันธ์กับผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางคน

ผกก.สน.หัวหมากแจงคืบหน้าคดี

ต่อมาเวลา 16.30 น. กลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางต่อมายังสน.หัวหมาก เมื่อมาถึงพ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.หัวหมาก ได้ลงมาพูดคุยพบปะกับกลุ่มนักศึกษา โดยชี้แจงความคืบหน้าว่า เบื้องต้นได้สอบพยานฝั่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้ว 4 ปาก ส่วนประเด็นเรื่องกล้องวงจรปิด ทางสน.หัวหมาก ได้ขอทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงไปจริง แต่เพิ่งขอไปวันนี้ ซึ่งก็ยังไม่ได้กล้องวงจรปิดจากทางมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ถ้ามวลชนหรือกลุ่มนักศึกษามีภาพหรือหลักฐาน ก็สามารถนำมาให้เจ้าหน้าที่เพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ พร้อมรับปากว่าจะให้ความเป็นธรรม และคดีจะชัดเจนภายใน 7 วัน

จี้คดี – กลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมาที่สน.หัวหมาก เพื่อติดตามคดีม็อบเสื้อเหลืองทำร้ายนักศึกษาหญิง และนักเรียนเนตรนารี บาดเจ็บหลายรายภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยมีพ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.หัวหมาก รับเรื่อง เมื่อวันที่ 27 ต.ค.

ด้านน.ส.ธิติมาหรือน้องแบม บุตรดี วัย 19 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกลำโพงทุ่มใส่จนเอ็นเท้าซ้ายฉีก ต้องใส่เฝือกในวันที่ 21 ต.ค.นั้นเปิดเผยว่า รู้สึกโกรธและเสียใจมากที่ไม่ได้รับความยุติธรรม พร้อมทั้งรู้สึกสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน รวมถึงจิตตกลงเรื่อยๆ หนำซ้ำยังถูกเพิกเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเป็นอย่างมาก จึงอยากฝากถึงตำรวจ สน.หัวหมากว่าให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และอย่าอ้างว่าหลักฐานไม่เพียงพอ เนื่องจากหลักฐานทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งภาพข่าวจากโซเชี่ยลและผลใบรับรองแพทย์ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานถึง 7 วันแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน