ร่วมพยายามฆ่า
ก่อนได้ประกัน

‘เสี่ยโป้’ โดน 4 ข้อหา ตร. คุมส่งฝากขัง ร่วมกันพยายามฆ่า ก่อนได้ประกัน ส่วน ‘เสี่ยเคน’ เพื่อนสนิท โดนหมายจับแล้ว นอกจากนั้นยังได้อายัดรถตู้ ส่งพฐ.ตรวจสอบ ขณะน้องชายเสี่ยโป้เข้าแจ้งสน.ภาษีเจริญ เรียกร้องดำเนินคดีคนชักปืนขู่ รองผบก.น.9 ระบุ หลักฐานถึงใครก็จะออกหมายจับอีก ด้าน‘เสี่ยโป้’ ยันไม่ได้ยิงใคร

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่สน.ภาษีเจริญ นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือเสี่ยโป้ อายุ 28 ปี และนายเขมทัต ชัชอานนท์ หรือเสี่ยบุ๊ค อายุ 25 ปี น้องชาย เข้าพบร.ต.อ.สมเกียรติ กิจประภานันท์ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ เพื่อลงบันทึกประจำวันแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากถูกกล่าวหาเป็นมือปืนยิงกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีหน้าร้านนวดแผนโบราณสรี เซาว์น่าแอนด์สปา ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกัน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่พ.ต.ท.ศิริชาติ จันทร์พรมมา รอง ผกก.ป.สน.ภาษีเจริญ ได้นำหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 544/2563 ลงวันที่ 28 ต.ค.63 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน มาแสดงให้นายอภิรักษ์ดู และควบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน โดยชุดจับกุมได้ประสานทางกองพิสูจน์หลักฐานให้เดินทางมาเพื่อตรวจเขม่าดินปืนด้วย

ต่อมาได้นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 538/2563 เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์เลขที่ 60/23-27 ถนนเพชรเกษม ซอย 44 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. ซึ่งเป็นที่อยู่ตามภูมิลำเนาของเสี่ยโป้ ซึ่งเปิดเป็นกิจการโรงงานเย็บผ้า และสกรีนเสื้อผ้า ที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครับเสี่ยโป้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย พบเพียงคนงานที่อาศัยอยู่ภายในประมาณ 10 คน

ที่ศาลอาญาธนบุรี พนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ ได้นำตัวนายอภิรักษ์มายื่นคำร้องขอฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. – 9 พ.ย.63 โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 27 ค.ค.63 เวลาประมาณ 22.30 น. มีกลุ่มวัยรุ่นนัดหมายกันเพื่อดูการชกมวยระหว่างนายอิทธิพลหรือ ตั้ง สุจริตกุล และนายเขมทัต หรือบุค ชัชอานนท์ ในระหว่างนั้นเกิดการท้าทายกันผู้ต้องหาจึงได้ร่วมกับนายพิพัฒน์ เกียรติไพบูลย์ใช้อาวุธปืนยิง นายจำเรียง ตะโบะ และ นายณัฐพงษ์ คล่องบัญชี จนได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดเมื่อวันที่ร้าน สรีนวดแผนไทยถนนราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พร้อมร้องคัคค้านการประกันตัว

ต่อมาผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาหลักทรัพย์พร้อมคำร้องมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว ระหว่างสอบสวนตีราคาประกัน 3 เเสน 5 หมื่นบาท

พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนกำลังไปขอศาลอาญาธนบุรี อนุมัติออกหมายจับนายพิพัฒน์ เกียรติไพบูลย์ หรือเคน ที่เป็นคนชักปืนขึ้นมาตามคำให้การของพยานฝั่ง ผู้เสียหาย ในข้อหาเดียวกับเสี่ยโป้ ตอนนี้นายเคนยังไม่ได้ประสานเข้ามอบตัว แต่หากมาแสดงตัวที่โรงพัก ก็จะจับกุม ก่อนพาไปตรวจค้นบ้านตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการสอบปากคำพยานอื่นๆ หรือต้องไปตรวจค้นบ้านผู้ใดอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำให้การของแต่ละฝ่าย และหลักฐานจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด

รายงานแจ้งว่า ยังไม่มีพยานหลักฐานแน่ชัดที่ชี้ว่าเสี่ยบุ๊ค น้องชายเสี่ยโป้ เป็นคนยิงปืนด้วยหรือไม่ เพียงแต่เจ้าตัวอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย ส่วนการสอบปากคำเสี่ยโป้ เจ้าตัวให้การภาคเสธอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือยิงปืน ส่วนการตรวจสอบคราบเขม่าดินปืนนั้น พฐ.กำลังตรวจสอบ แต่จะพบหรือไม่ยังไม่สามารถยืนยันได้ เพราะระยะเวลาผ่านมา 6 ชั่วโมงแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ได้นำรถตู้ ทะเบียน 8กฬ4763 กทม.ของเสี่ยโป้ ไปให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าที่บริเวณกระจกมองข้างทางด้านซ้าย มีรอยเฉี่ยวชน และที่บริเวณประตูทางด้านซ้ายมีรอยบุบ โดย ลูกน้องเสี่ยโป้ ได้บอกว่าสำหรับร่องรอยดังกล่าวมีมานานแล้ว ยังไม่ได้ไปเคลมประกัน สำหรับการตรวจในครั้งนี้จะตรวจลายนิ้วมือแฝงตรวจชีววิทยา และดีเอ็นเอ รวมถึงตรวจดูเขม่าดินปืนที่ติดตามเบาะนั่งโดยเน้นไปที่เบาะหลังคนขับ ที่มีอยู่ 2 เบาะ ส่วนปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ที่เก็บได้ 18 ปลอก และกระสุนลูกปรายจำนวนมากที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้ส่งตรวจสอบว่ามาจากปืนกระบอกไหนแล้ว

พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 เข้าติดตามความคืบหน้าของคดีพร้อมกล่าวว่า จากพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทั้งประจักษ์พยานและพยานแวดล้อม ตอนนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีแล้ว 2 ราย ซึ่งชุดสืบสวนกำลังติดตามตัวอยู่ และหากมีหลักฐานไปถึงผู้อื่นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนเสี่ยโป้จะได้ประกันตัวหรือไม่นั้น ต้องดูตามหลักเกณฑ์ว่าจะมีพฤติกรรมหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ สำหรับรถที่ส่งไปตรวจนั้น เพราะเชื่อว่าเป็นรถที่ผู้ต้องหาขับในวันเกิดเหตุ

ด้านพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่เดินทางมาพร้อมนายอภิรักษ์ ขณะเข้าพบพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เด็กๆ ทั้ง 2 กลุ่มจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนได้พยายามประสานให้เคลียร์ปัญหาแบบลูกผู้ชาย เนื่องจากฝ่ายเสี่ยโป้กับน้องชายนั้น ตนก็รู้จักกับครอบครัวมานาน ส่วนบิดาคู่กรณีก็เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา คนหนึ่งทำงานด้วยกันสมัยอยู่กองปราบปราม อีกคนทำงานด้วยกันสมัยอยู่บช.น. ตนก็เสนอให้เรื่องมันจบแบบนักเลงด้วยการให้ 2 ฝ่ายมาชกกันแบบตัวต่อตัว ไม่อยากให้ไปก่อเหตุเป็นภาระสังคม แต่ด้วยความใจร้อนของวัยรุ่นจึงเป็นอย่างนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ว่าใครผิดใครถูก แต่หลังเกิดเหตุมีคนเจ็บขึ้นกลับได้ยินฝ่ายคู่กรณีพูดถึงเงินค่าทำขวัญสูงถึง 10 ล้าน ก็ไม่เข้าใจว่าจะเอาลูกหลานมาขายในเหตุทะเลาะวิวาทแบบนี้หรือ จึงตัดสินใจพาเสี่ยโป้กับน้องชายเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในฐานะนายประกันได้วางหลักทรัพย์เงินสด 400,000 บาทเอาไว้ก่อน ส่วนเสี่ยเคน ตนจะเป็นผู้พาเข้ามามอบตัวด้วยตนเองภายในวันนี้

ทั้งนี้นายอภิรักษ์กล่าวก่อนถูกควบคุมตัวว่า วันเกิดเหตุไปใช้บริการเซาน่าตามปกติ โดยอยู่กับพรรคพวกอีกแค่ 3 คน ขณะที่นายเขมทัตน้องชายซึ่งมีเรื่องกับนายตั้งและนายตั๊วอยู่แล้ว ได้นัดหมายไปเจรจากับคู่กรณี เข้าใจว่าตกลงกันไม่ได้ ก็พาเพื่อนๆ อีกราว 10 คน ถอยมาหาตนที่ร้านเซาน่า จังหวะนั้นตนยืนอยู่ด้านบนร้านตามดังภาพที่ปรากฏ กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณียกพวกเข้ามาประมาณ 200 คน จนตนเห็นว่าทางคู่กรณีมีการชักอาวุธปืนหันเล็งมาที่ตน ก็รีบหลบและมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกันกว่า 60 นัด ตนวิ่งหนีตายออกจากจุดที่ยืนอยู่ตั้งแต่นัดแรกแล้ว และไม่ได้มีอาวุธปืนติดตัวด้วย หลังเกิดเหตุตนกับน้องชายเป็นฝ่ายเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนก่อนตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ของวันที่ 27 ต.ค.ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ

นายอภิรักษ์กล่าวอีกว่า หลังแจ้งความทางตำรวจก็เดินทางไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดก็เก็บไปด้วยจึงอยากฝาก พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ช่วยดูภาพจากกล้องให้ตนด้วยว่าพวกตนมีน้อยกว่า ขณะที่ฝั่งคู่กรณีอ้างว่ามากันแค่ 20 คน นอกจากนั้นยังให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าตนยิงเปิดทางให้ลูกน้องแหวกออกเพื่อยิงใส่คนเจ็บ ตนอยากถามจริงๆ ว่าเหตุการณ์มันจะเป็นแบบนั้นไปได้จริงหรือ เมื่อตนยืนอยู่ด้านบน หากถามว่าใครยิงใครตนบอกได้เลยว่าไม่รู้เพราะคนเยอะไปหมด แต่ถ้าจะถามว่าใครอยู่ตรงนั้นบ้างจำได้ตัวหลักๆ ก็มี แอล โอรส, เอ็มโก๋ ตากสิน, ตั๊ว พรานนก และตั้ง พรานนก ซึ่งเป็นลูกสมุนของนายตั๊ว

“ผมไม่ได้ยิงใคร ไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศ แต่หลังเกิดเหตุการณ์ทราบว่า บิดาของคู่กรณีซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตประกอบกิจการขึ้นชื่อว่าลอยฟ้า กับบิดาของสมุนคู่กรณีที่เป็นอดีตตำรวจได้มีคำสั่งให้ทางตำรวจท้องที่ดำเนินการออกหมายจับพวกผม ทั้งที่ไม่ได้มีความผิดอะไร ทำให้ ตอนนี้กล้าพูดได้เลยว่าฝ่ายผมต้องกลัวฝ่ายคู่กรณี ไม่ใช่ฝ่ายคู่กรณีจะต้องมากลัวผม” เสี่ยโป้กล่าว

นายเขมทัตน้องชายกล่าวว่า เหตุต้นเรื่องนั้นเกิดจากตนมีกรณีพิพาทกับกลุ่มของนายตั๊วและนายตั้ง โดยมีพรรคพวกของคู่กรณีเข้ามาเสนอขายพระให้ แต่ตนไม่สนใจ กระทั่งเขาคงมองว่าหยิ่ง พยายามทักเฟซบุ๊กมาหา โทร.มาหา แต่ตนไม่รับสาย เมื่อตนตัดสินใจติดต่อกลับไป ฝ่ายคู่กรณีเปิดประเด็นทะเลาะวิวาทนัดหมายให้ไปเจอเพื่อเจรจา พอไปถึงมีชายฉกรรจ์ขับรถจยย. 4-5 คันมาวน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงพาเพื่อนๆ ล่าถอยกลับไปหาพี่ชายที่เซาน่า กระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นดังกล่าว

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายเขมทัตเข้าแจ้งความต่อสน.ภาษีเจริญ เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ชักปืนข่มขู่ โดยนายเขมทัตกล่าวว่า วันนี้มาแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ชักปืนขึ้นมา พร้อมติดตามเรื่องทางคดี หลังวันแรกมาแจ้งความแล้วตำรวจยังไม่รับเรื่อง ยอมรับว่าตนรู้จักกับนายตั้งกันมาก่อน แม้ไม่ได้สนิทกัน แต่ยืนยันได้ว่าเขามีคนมีอิทธิพลหนุนหลังอยู่ ส่วนเหตุการณ์ในวันนั้นพอตนกำลังจะต่อยกับนายตั้ง นายเอ็มโก้ก็ควักปืนขึ้นมา เชื่อว่าที่เสี่ยโป้ถูกกล่าวหาคงเป็นเพราะความมีชื่อเสียงและมีเงิน ไม่ทราบว่ามีคนบอกว่าห้ามถ่ายคลิปหรือไม่ ได้ยินแต่เสียงยั่วยุ ยืนยันว่าฝ่ายตนมีกันเพียง 20 คนไม่เกินนี้ ไม่ได้ถึงหลักร้อยตามที่คู่กรณีกล่าวอ้าง แต่ก็มีกลุ่มโจทก์เก่าฝ่ายตรงข้ามมาเสริมพวกตนด้วย ยอมรับว่ากลัวเพราะแจ้งความไม่ได้

จับเสี่ยโป้ – ตำรวจคุมตัวนายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือเสี่ยโป้ ผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่าและอาวุธปืน คดียิงกันหน้าร้านนวดย่านฝั่งธนบุรี กทม. ส่งฝากขังศาลอาญาธนบุรี ก่อนที่ศาลจะให้ประกันตัว เมื่อ วันที่ 29 ต.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน