รัฐบาลเชิญ ‘ม็อบจะนะ’ ถกในทำเนียบ ก่อนยอมถอยโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ทั้ง 2 ฝ่ายบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ยกเลิกมติครม. ทุกฉบับที่เกี่ยวกับโครงการ เลิกประชุมผังเมืองเปลี่ยนเป็นพื้นที่โรงงาน ตั้งอนุกรรมการมี ‘ธรรมนัส’ เป็นประธาน พร้อมด้วยภาคประชาชน นักวิชาการ หน่วยงานรัฐ โดยที่ไม่มี ‘ศอ.บต.’ เข้ามาเกี่ยวข้อง จัดให้ประเมินผล กระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ว่ามีความจำเป็นต้องมีนิคมอุตฯขนาดใหญ่กว่า 2 หมื่นไร่ หรือไม่ ด้านชาวบ้านพอใจ ยอมย้ายออกจากหน้าทำเนียบ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล นายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนพล.อ.ประวิตรเข้าเจรจากับเครือข่ายจะนะ รักษ์ถิ่น ที่ชุมนุมค้างคืนติดแนวตู้คอนเทนเนอร์บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา
นายประสานแจ้งกับนายสมบูรณ์ คำแหง แกนนำเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และกลุ่ม ผู้ชุมนุมว่า พล.อ.ประวิตรมอบหมายให้ตั้งคณะทำงานที่มีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน เป็นรองประธาน ทันทีที่ตั้งคณะทำงานชุดนี้แล้ว จะไปลงพื้นที่ อ.จะนะ เพื่อรับฟังข้อมูล และข้อเสนอต่างๆ ในการหาทางออกร่วมกัน และพร้อมเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วย โดยจะนำข้อมูลที่รวบรวมได้ทั้งหมดรายงาน พล.อ.ประวิตร เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป นอกจากนี้จะประสานกรมโยธาธิการ และผังเมืองให้ชะลอการดำเนินการโครงการเอาไว้ก่อน ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมไว้ใจและสบายใจ เพราะเป็นการแก้ปัญหาร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะที่ตัวแทนผู้ชุมนุมขอให้นายประสานนำเอกสารมติครม.ที่จะให้ชะลอโครงการ รวมถึงคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานมาแสดงเป็นหลักฐานยืนยัน ให้กับชาวบ้าน
ต่อมาเวลา 10.35 น. ร.อ.ธรรมนัส มาร่วมพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยกล่าวว่าได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร ให้มาพูดคุยกับ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เพื่อสอบถามข้อมูลและหาแนวทางการแก้ปัญหา โดยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา และในเบื้องต้นจะไม่มีการประชุมเรื่องผังเมืองในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ชะลอโครงการไปก่อน และตนจะลงพื้นที่อ.จะนะ ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้
ถัดมาเวลา 10.45 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. มาร่วมการเจรจาด้วย และในที่สุดผู้ชุมนุมยอมรับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวของฝ่ายรัฐบาล และพร้อมหารือภายในกลุ่มเพื่อย้ายจุดชุมนุมไปอยู่ริมถนนพระราม 5 เพื่อเปิดการจราจรถนนพิษณุโลก จากนั้นนายประสานเชิญแกนนำกลุ่มไป พูดคุยกันต่อที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ถึงการแต่งตั้งคณะทำงานมาดำเนินการในเรื่องนี้
ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ว่าจะต้องชะลอโครงการไปก่อน จนกว่าจะได้ข้อยุติในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะมีหลายเรื่องที่ต้อง เริ่มทำการศึกษาใหม่ แต่รายละเอียดคงยัง ไม่สามารถพูดในตอนนี้ได้ จะต้องให้หน่วยงานต่างๆ และคณะทำงานพูดคุยกันก่อน
จากนั้นเวลา 14.40 น. ร.อ.ธรรมนัส พร้อมด้วยนายประสาน และตัวแทนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น นำผลการหารือมาแจ้งให้ผู้ชุมนุมรับทราบบันทึกข้อตกลงในการแก้ปัญหาร่วมกัน โดย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่าเห็นควรแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างรัฐบาลและตัวแทนเครือข่าย ทำเป็นบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งพล.อ.ประวิตรจะลงนามในคำสั่งดังกล่าว และจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบถึงบันทึกข้อตกลงที่ มีร่วมกันในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
ส่วนนายประสานกล่าวว่าสำหรับรายละเอียดบันทึกข้อตกลงที่ลงนามโดย ร.อ.ธรรมนัส และตัวแทนผู้ชุมนุม สรุปว่า 1.รัฐบาลต้องมีมติยกเลิกมติครม.เกี่ยวกับการดำเนินโครงการที่เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ ทุกฉบับ ส่วนกรมโยธิการและผังเมืองยกเลิกการประชุมคณะกรรมการผังเมืองที่จะเปลี่ยนผังเมืองจากสีเขียวเป็นสีม่วง และเวทีประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่จะทำ 4 ฉบับในวันที่ 6 ม.ค.2564 ได้สั่งให้ยกเลิกเช่นกัน
กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า 2.จะตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดย ร.อ.ธรรมนัส เป็นประธาน ขณะที่โครงสร้างจะมีทั้งตัวแทนภาคประชาชน นักวิชาการ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้ามาเกี่ยวข้อง และต้องจัดให้ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ หรือเอสอีเอ ว่ามีความจำเป็นต้องมีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่กว่า 20,000 ไร่ หรือไม่ โดยคำนึงคนในพื้นที่เป็นหลัก ส่วนทุนเป็นปัจจัยรอง และต้องสร้างชุดข้อมูลที่มีคุณภาพ
ด้านแกนนำเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นระบุว่าการเจรจาในวันนี้ ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองยืนยันยกเลิกการประชุมพิจารณาผังเมืองสีม่วง ส่วนฝ่ายตำรวจยืนยันว่าจะไม่ดำเนินคดีกับเครือข่ายที่มารวมตัวกันบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแจ้งผลการหารือ เครือข่ายจะนะรักษ์พอใจ และยอมเก็บเต็นท์ย้ายสัมภาระจากเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ไปปักหลักบริเวณถนนพระราม 5 ข้างศาลกรมหลวงชุมพรฯ เพื่อรอฟังมติครม.รับทราบผลการเจรจาในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์
วันเดียวกัน ที่สน.บางโพ นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยนายพงศ์สิทธิ์ นาเมืองรักษ์ ทีมงานศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ารับทราบ ข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนายสมชาย อิสระ เป็นผู้กล่าวหา
นายอานนท์กล่าวว่าไม่ได้กังวล หรือหนักใจแต่อย่างใด ขอยืนยันแกนนำและ ผู้เข้าร่วมการชุมนุมยินดีเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ส่วนการเคลื่อนไหวในปีหน้าจะเป็นปีที่การชุมนุมเข้มข้นขึ้นมากกว่านี้ ทั้งในส่วนเนื้อหาสาระ ทั้งสภาพจิตใจคน ด้านเศรษฐกิจ และการเมือง จะมารวมกันในปีหน้าทั้งหมด ยืนยันว่าข้อเรียกร้องยังคงเป็น 3 ข้อเช่นเดิม การชุมนุมที่ผ่านมาเป็นเพียงการโหมโรงเท่านั้น
“โดยส่วนตัวมองว่านี่คือการต่อสู้ระยะยาว ที่จะเป็นการบ่มเพาะทางความคิดของ คน ผมมองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ใช่คนที่จะไป หักด้ามพร้าด้วยเข่าหรือเอาชนะในวันหรือ สองวัน แต่นี่คือการต่อสู้ทางความคิด และเชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนทางสังคมต่อไป” แกนนำราษฎรกล่าวและว่าเข้ารับทราบ ข้อกล่าวหามาตรา 112 แล้ว 4 หมายเรียก เชื่อว่าจะยังมีหมายเรียกย้อนหลังเข้ามาอีก ในทุกๆ ที่การชุมนุม