เลือกตั้งหน้าชูตู่ ป้อมหวาน

ตั้งเป้าสส.150-200ที่นั่ง
กลุ่มใต้ลั่นไม่ทิ้งพปชร.
‘ปลัดฉิ่ง’กั๊ก-ตั้งพรรค

‘บิ๊กป้อม’ หวานอีก ยันเลือกตั้งสมัยหน้า พปชร.ยังชู ‘บิ๊กตู่’ เป็น นายกฯ ตั้งเป้ากวาด 150-200 ส.ส. เมิน ‘พ.อ.สุชาติ’ ยกก๊วนซบพรรคใหม่ ส.ส.ภาคใต้ลั่นไม่ทิ้งพปชร.แน่ ‘รงค์ บุญสวยขวัญ’ ยันอยู่ที่เดิม มีความสุขดี ‘สายัณห์ ยุติธรรม’ ลั่น ‘บิ๊กตู่’ ไปไหนไปด้วย ‘ปลัดฉิ่ง’ ยังกั๊กตั้งพรรคใหม่ ระบุไม่ใช่เวลาพิจารณาเรื่องนี้ ลูกพรรคพลังประชารัฐโต้ปชป.คิดมาก ไม่พอใจ ‘บิ๊กป้อม’ คุม 4 กรมกระทรวงเกษตรฯ ระบุไม่เห็นเสียหาย เพราะปชป.ไม่ได้ดูแลตั้งแต่ต้น

‘บิ๊กป้อม’เมิน‘สุชาติ’สร้างข่าว

จากกรณีที่ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประกาศจับมือกับปลัดฉิ่ง-นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่เพิ่งเกษียณจากปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งพรรคการเมือง ใหม่ อาจใช้ชื่อ “พรรคเศรษฐกิจไทย” พร้อมชูจุดขาย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อ

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การออกมาให้ข่าวของ พ.อ.สุชาติ ในช่วงนี้เหมือนไม่รู้จักกาลเทศะ เหมือนจะมาทำลายบรรยากาศระหว่างพี่น้อง 2 ป. ที่กำลังไปได้สวย และพี่น้องคู่นี้ก็ไม่มีวันแตกคอ ทำไมจะรีบมาเปิดตัว นำ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐไปซบอกพรรคของปลัดฉิ่ง เหมือนเป็นการหักหน้า พล.อ.ประวิตร ที่นั่งเป็นหัวหน้าพรรคอยู่

“พ.อ.สุชาติจะทำอะไรก็ทำไป อย่าทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องลำบากใจ ท่านเคยช่วยอะไร พ.อ.สุชาติก็รู้ดีแก่ใจ และใครเป็นผู้สนับสนุน ส.ส.ภาคใต้เมื่อครั้งลงสมัครหาเสียง การออกมา ให้ข่าวเหมือนต้องการให้เกิดความแตกแยกในพรรค แตกคอพี่น้อง ลักษณะแบบนี้ใช้ไม่ได้ พวกเราเป็นทหาร ทำอะไรต้องให้เกียรติรุ่นพี่ ไม่ใช่มาสร้างความร้าวฉาน และหากมองลึกๆ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ค่อยให้ราคา พ.อ.สุชาติ เท่าไหร่ และเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรทราบแล้ว เพียงแต่บอกมันจะมาทำอะไรช่วงนี้ สร้างข่าวเก่งจัง” รายงานข่าวระบุ

ย้ำสัมพันธ์‘3 ป.’แน่นปึ้ก

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 30 ก.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เรียกประชุมหัวหน้าภาคทั้ง 9 ภาค ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อวางยุทธศาสตร์และเตรียมกลยุทธ์สำหรับการเลือกตั้ง รวมถึงคัดสรรและสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. ของพรรค โดยมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค เข้าร่วมประชุม ใช้เวลา กว่า 2 ชั่วโมง

พล.อ.ประวิตรกล่าวในที่ประชุมโดยยืนยัน ถึงสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของ ‘3 ป.’ ไม่ได้ มีความขัดแย้งตามที่ปรากฏออกมาตาม กระแสข่าว ซึ่งมีบางกลุ่มพยายามเสี้ยม พรรคพลังประชารัฐไม่แตกแน่นอน และพร้อม สู้ศึกเลือกตั้ง ขอให้ความมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150-200 คน

ชู‘บิ๊กตู่’แคนดิเดตนายกฯสมัยหน้า

พล.อ.ประวิตรระบุว่า ขณะนี้พรรคพลังประชารัฐได้วางยุทธศาสตร์ ตลอดจนกลยุทธ์สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าไว้เกือบเสร็จแล้ว ถือเป็นสถานการณ์ปกติของพรรคการเมือง ที่ต้องมีความเตรียมพร้อม เนื่องจากรัฐบาลทำงานมาได้ 3 ปีแล้ว ขณะนี้เริ่มเข้าสู่กระบวนการเตรียมคัดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.คนไหนมีคะแนนนิยมไม่ดี ไม่ลงพื้นที่ก็จะอยู่ในข่ายการพิจารณาว่าจะส่งลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรค ต่ออีกหรือไม่ คนที่จะลงสมัคร ส.ส.จะคัดคนดี มีคุณภาพ มีความสามารถ ทำงานเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้

“ในที่ประชุมยังได้พูดถึงรายชื่อของบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐจะนำเสนอเป็นนายกฯ ซึ่งพล.อ.ประวิตร ระบุว่า พรรคจะเสนอชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ ในนามของพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลง” รายงานข่าวระบุ

นอกจากนั้น ยังพูดถึงกรณีที่พ.อ.สุชาติย้ายไป ร่วมงานพรรคนายฉัตรชัย และจะมี ส.ส.ใต้ ย้ายไปด้วยนั้น พล.อ.ประวิตรไม่ได้ติดใจอะไร ถือเป็นเรื่องของเขา และได้สอบถามนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ยังยืนยันว่าส.ส.ใต้ทั้งหมดอยู่กับพรรคพลังประชารัฐอยู่กับ ‘3 ป.’ ไม่มีส.ส.คนไหน ย้ายตามที่มีข่าว

ส.ส.ใต้พปชร.ยันไม่ตามไปอยู่

นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า พ.อ.สุชาติ ถือเป็นผู้มีศักยภาพทางการเมืองและเป็นที่ยอมรับในฝีมือ แต่ส.ส.ภาคใต้ทั้งหมด 14 คนของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเขามานานแล้ว เราต่างให้เกียรติกัน วันนี้ตนมาเป็นส.ส.ก็อิสระ ไม่ได้มีใครมาครอบงำ ข่าว พ.อ.สุชาติไปอยู่พรรคใหม่ พูดแบบตรงๆ ว่าเช็กข้อมูลแล้วไม่มีส.ส.คนใด รู้เรื่องเลย หรือจะตามไปอยู่เลย

สิ่งสำคัญที่สุดคือเราอยู่พรรคพลังประชารัฐ ยังมีความสุขดี หัวหน้าพรรคก็สนับสนุน เอื้ออำนวยในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.อย่างดีในยาม วิกฤตก็สนับสนุนให้สามารถลงไปช่วยเหลือประชาชนทั้งในยามวิกฤตโควิด และน้ำท่วมเต็มที่ นายกฯ ก็ส่งความปรารถนาดีกับพวกเรา เช่น กำลังจะลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อไปตรวจความพร้อมในการรับมือน้ำท่วม ดังนั้น ตอนนี้ตนอยู่ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีพล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค และมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หัวหน้าพรรค และเชื่อมั่นว่าในอนาคตพรรคจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตามความต้องการของชาวบ้านต่อไป

ขณะที่พรรคที่จะเกิดขึ้นยังไม่รู้เลยว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค วัฒนธรรมของพรรคเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะทิ้ง พรรคพลังประชารัฐ และหาก พ.อ.สุชาติ จะชวนใครไป ถือเป็นสิทธิของส.ส.แต่ละคน วันนี้เรายังมีความสุขดีกับการอยู่พรรคพลังประชารัฐ อยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีปัญหาติดขัดหรือบางอย่างไม่ลงตัว 100 เปอร์เซ็นต์

8 ส.ส.เตรียมนัดคุยให้รอบคอบ

ด้านนายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนยังไม่เคยพูดคุยหรือ ได้รับการประสานโดยตรงจาก พ.อ.สุชาติ และไม่ได้คุยเรื่องนี้กับส.ส.ใต้คนอื่น อาจเป็นแนวคิดของคนให้ข่าวแต่ยังไม่มีการชักชวน ยืนยันเวลานี้ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐกับพล.อ.ประวิตร เพราะเราเกิดมาจากพรรคนี้ การโยกย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ คนเป็นส.ส. ต้องคิดให้ดีและรอบคอบ เพราะพรรคใหม่ ที่มีกระแสข่าวว่าจะตั้งก็ยังไม่มีรายละเอียด ที่ชัดเจน จึงเร็วไปที่จะตัดสินใจในเวลานี้ สุดสัปดาห์หน้า ส.ส.ภาคใต้อีกกลุ่มประมาณ 7-8 คน เตรียมนัดพูดคุย เพื่อวิเคราะห์ทิศทางข่าวดังกล่าวที่เกิดขึ้น ก่อนแสดงความเห็นใดๆ เพราะเราต้องเป็นเอกภาพ และมีจุดยืนต่อเรื่องดังกล่าว

“คนที่เป็นส.ส.อยู่ๆ จะเปลี่ยนหรือย้ายพรรค ต้องคิดหนักและคิดให้ดี ในบริบทการเมืองขณะนี้ที่ข้อกำหนด ข้อจำกัดต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ การเป็นข่าวเป็นเรื่องง่าย แต่การย้ายสังกัดพรรคเป็นเรื่องใหญ่ ต้องดูในหลักการ มีเหตุผลความจำเป็นประกอบการตัดสินใจ” นายนัทธีกล่าว

เมื่อถามว่าหากพรรคใหม่ที่ตั้งชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำจะมีผลต่อการตัดสินใจของส.ส.ภาคใต้หรือไม่ นายนัทธีกล่าวว่า ยอมรับว่ามีผลต่อความรู้สึกของเรา แต่จะตัดสินใจอย่างไรต้องดูพื้นฐานคนในพื้นที่ ดูความต้องการของประชาชนด้วย

‘สายัณห์’ลั่น‘บิ๊กตู่’ไปไหนไปด้วย

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พ.อ.สุชาติ ไม่ได้ ตั้งพรรคเอง แต่ไปอยู่กับพรรคของปลัดฉิ่ง และจากการสอบถามส.ส.ใต้ ทราบว่าพ.อ.สุชาติ ไม่เคยมาชวน เพราะให้เกียรติเรา เขายังไม่ชวนเลยจะไปได้อย่างไร ตอนนี้เรามั่นคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐและนายกฯ และยังมีเวลาเหลืออยู่ปีครึ่งกว่าจะครบวาระ ยืนยันพรรค พลังประชารัฐไม่มีวันแตกแยก พล.อ.ประวิตร มีเมตตากับส.ส.ทุกคน และส.ส.ก็รักสามัคคีกันดีกว่าพรรคอื่น

เมื่อถามถึงกรณีระบุชัดพล.อ.ประยุทธ์ อยู่พรรคใดจะไปอยู่ด้วย นายสายัณห์กล่าวว่า ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่เสนอพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ถ้าครั้งต่อไปยืนยันเสนอพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และพล.อ.ประยุทธ์ยินยอมจะอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคนี้ตนก็อยู่พรรคนี้ ไม่ไปไหน แต่ถ้าพรรค ไม่เสนอพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เป็นพรรค อื่นเสนอ ตนก็พร้อมไปกับพล.อ.ประยุทธ์ ส.ส.ใต้ก็คิดไปในแนวทางนี้หมด เพราะต้องยอมรับความจริงว่าการได้มาเป็นส.ส. เพราะบารมีของพล.อ.ประยุทธ์ที่ผ่านมาและในทางภาคใต้ตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นที่นิยมอยู่

‘ปลัดฉิ่ง’อู้อี้ตั้งพรรครองรับตู่

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ พร้อมภริยา ตลอดจนอธิบดีกรม ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ข้าราชการและลูกจ้างกระทรวงมหาดไทย ทยอยเข้าพบนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เพื่อแสดงมุทิตาจิตอำลาตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย อย่างเนืองแน่น จากนั้นเวลา 16.49 น. นายฉัตรชัยได้สักการะศาลพระภูมิ ศาลพระกาฬ ไชยศรี และพระอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยา ดำรงราชานุภาพ ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในกระทรวงเพื่ออำลาตำแหน่ง

นายฉัตรชัยให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าจะมาเป็นรมช.มหาดไทย หลังนายกฯ ปรับครม.ว่า ไม่ทราบและไม่ได้คิด ตนคิดเพียงว่าทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ทำได้หลายอย่างและหลายฐานะ ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.อ.สุชาติ ระบุว่าเตรียมขน 14 ส.ส.ใต้ มาสังกัดของพรรคเศรษฐกิจไทยของปลัดฉิ่ง นายฉัตรชัยกล่าวว่า ตนไม่ได้ดำเนินการกิจการใดๆ ทาง การเมืองในขณะนี้ คิดว่ามุมมองทางการเมืองเป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละคน คิดว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาพิจารณาเรื่องนี้ ขอทำหน้าที่พลเมืองดีในด้านอื่นๆ ต่อไปก่อน

ต่อข้อถามว่าแปลว่าในอนาคตมีโอกาส เข้ามาทำประโยชน์ในทางการเมืองใช่หรือไม่ นายฉัตรชัยกล่าวว่า “ผมอยู่กับวันนี้ ไม่ได้อยู่กับ อนาคต” เมื่อถามว่าแปลว่าข่าวที่ตั้งพรรค การเมืองเพื่อรองรับพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่จริงหรือ นายฉัตรชัยกล่าวว่า ตนไม่เคยให้ข่าว และไม่เคยดำเนินการใดๆ ท่านได้ข่าวจากไหน ก็ต้องไปถามท่านเหล่านั้น

พปชร.ชี้‘ป้อม’ยึด 4 กรมไม่เสียหาย

ส่วนกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้พล.อ.ประวิตร กำกับ 4 กรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ กรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานการปฏิรูป ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และองค์การตลาด เพื่อเกษตรกร ซึ่งเดิมเป็นงานของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรฯ จากเดิมนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นผู้ดูแล ซึ่งนายจุรินทร์ และส.ส.พรรค ประธิปัตย์ ต่างไม่พอใจนั้น

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า 4 กรมนี้เป็นสิ่งที่อดีตรมช.เกษตรฯ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้รับมอบหมายให้ดูแล ขณะนี้รมช.ไม่มี แต่งานต้องเดินต่อ มติครม.มอบให้พล.อ.ประวิตร กำกับดูแลมองว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ไม่เห็นเสียหายตรงไหน

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า การแก้ปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ควรกระทบพรรคอื่น นายสายัณห์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดมากไป ต้องยอมรับว่า 4 กรมนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ดูแลตั้งแต่ต้น แต่เป็นรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐดูแล และตอนนี้ให้พรรคพลังประชารัฐดูแลต่อ พรรค ประชาธิปัตย์ก็ดูเท่าเดิม ไม่ได้เสียหายตรงไหน

อย่าเอาความรู้สึกเข้าข้างตัวเอง

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ต้องดูเหตุผลการมอบหมายในภาพรวม และการแสดงความเห็นมาจากเหตุผลใด คิดตามความรู้สึกหรือมองตามความเป็นจริง ถ้าเอาความรู้สึก ก็ย่อมเข้าข้างตัวเองว่าเหมาะสมจะให้รอง นายกฯ จากประชาธิปัตย์ ดูแล แต่เรื่องดังกล่าว เชื่อว่านายกฯตัดสินใจโดยคำนึงถึงภาพรวม ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ปัญหาระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายนัทธีกล่าวว่า ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร ถ้าเอาความคิดของแต่ละคนก็คิดว่าเป็นปัญหากันไปหมด เพราะแต่ละพรรคต่างคิดว่าเหมาะสมทั้งนั้น

เมื่อถามว่ากระทรวงเกษตรฯ เป็นอีกกระทรวง ที่เรียกคะแนนความนิยมได้ นายนัทธีกล่าวว่า ถ้ามองอย่างนั้นทุกกระทรวงก็เรียกคะแนนได้ทั้งหมด เช่น กระทรวงมหาดไทย เราก็ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาดูแล เช่นเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ ก็มีรมช.จากต่างพรรค ถ้าคิดว่าจะใช้หาเสียงก็ต้องตัดสินที่ผลงานให้ประชาชนเห็น ใครจะดูแลกรมไหน กระทรวงใดก็สร้างความนิยมได้

ปชป.โต้มีมติเคาะผู้สมัครส.ส.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีมีข่าวว่าพรรคมีมติส่งหรือไม่ส่งใครลงสมัคร ส.ส.ครั้งหน้าแล้วว่า ขณะนี้ทุกเขตเลือกตั้งพรรคยังไม่ได้มีมติใดๆ หลักการคัดเลือกตัวผู้สมัครเป็นไปตามข้อบังคับ เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งจะมีกระบวนการรับสมัคร และนำเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ที่มีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นประธาน หลังตรวจสอบคุณสมบัติจะส่งรายชื่อผู้สมัครไปสอบถามความเห็นในพื้นที่ คือตัวแทนพรรค หรือสาขาพรรค เมื่อในพื้นที่ส่งความเห็นกลับมา ยังคณะกรรมการสรรหาแล้ว คณะกรรมการสรรหาจะส่งต่อให้คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณาต่อไปตามขั้นตอน

“ขณะนี้หลายเขตในทางยุทธศาสตร์ การประกาศตัวผู้สมัครเพื่อให้ทราบว่าใครทำงาน ในพื้นที่ในนามพรรค และอาสามาทำงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อลงสมัคร ส.ส.ในเขต เลือกตั้งนั้นๆ แต่ท้ายที่สุดต้องเข้าสู่กระบวนการ คัดเลือกตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป” นายราเมศกล่าว

ส่วนที่มีกระแสข่าวพรรคจะไม่ส่งนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ลงสมัครส.ส.อีกนั้น ยืนยันยังไม่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมกก.บห. และกระบวนการเลือกตั้งยังไม่เริ่มต้น ทุกอย่าง มีข้อบังคับ มีกฎหมาย กำหนดขั้นตอน กฎเกณฑ์ กติกาไว้ชัดเจน

นายกฯอวยพรขรก.เกษียณ

วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฝากอวยพรถึงข้าราชการ ที่ครบวาระเกษียณอายุราชการทุกคน ซึ่ง 30 ก.ย.เป็นการทำงานวันสุดท้าย และถือเป็นวันสิ้นสุดอายุราชการของข้าราชการที่มีอายุครบ 60 ปี หรือ “เกษียณอายุราชการ” หลังจากนี้ ทุกคนสามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการแล้ว อยู่กับครอบครัว ลูกหลาน ญาติพี่น้อง อย่างมีความสุข สามารถดำเนินชีวิตอย่างอิสระ

นายกฯ ยังฝากให้ทุกท่านรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรงและมีอายุยืนยาว รวมทั้งเก็บความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ มุ่งมั่นและความเสียสละสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจที่จะติดตัวข้าราชการที่เกษียณอายุราชการทุกคนและครอบครัวตลอดไป

“นายกฯ ยังได้ขอบคุณข้าราชการหลายคนที่เกษียณอายุราชการในปีนี้ แต่ยังส่งต่อความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์การทำงาน เพื่อเป็นคลังสมองสำหรับผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานที่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อ เพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาและบริหารองค์กรได้อย่าง มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อราชการประเทศชาติ และแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาและข้าราชการรุ่นใหม่ต่อๆ ไปได้” นายธนกรกล่าว