ชี้เด็กกิน-ป่วยแล้ว5จว.เวียนหัว-อาเจียน-ช็อก

เตือนอันตรายจากภัยไส้กรอก ไม่มียี่ห้อที่ขายตามท้องตลาด ทำเด็กป่วย ภาวะเมทฮีโมโกลบินแล้วเกือบ 10 ราย พบระบาด 5 จังหวัด เผยผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ อาจหมดสติได้ นอกจากนี้ ยังอาการเหนื่อย หายใจเร็ว เขียว และระดับออกซิเจนวัดที่ปลายนิ้วต่ำ แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายใดที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต

วันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้ เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เตือนภัยว่า ไส้กรอกร้ายอันตราย ช่วงนี้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระวังมากๆ หลังพบเด็กพี่น้อง 2 คน มีอาการปากเขียวคล้ำ อาเจียน ซึมสับสน หลังรับประทานไส้กรอก 1-2 แท่ง ไม่มียี่ห้อ ไม่มีโรคประจำตัวอื่น เพิ่งมาเห็นข่าวเช้านี้ว่ากำลังระบาด ทั่วไทย จนออกประกาศเตือนแล้ว โดยคนไข้ทั้ง 2 ปลอดภัยแล้ว

ต่อมา ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี โพสต์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า เตือนเฝ้าระวัง อย่ากินไส้กรอกจากแหล่งที่ไม่แน่ชัดหรือไม่น่า เชื่อถือ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีเด็กป่วยด้วยภาวะเมทฮีโมโกลบิน (Methemoglobin) จำนวน 6 ราย ใน 5 จังหวัด (เชียงใหม่ 2 ราย, เพชรบุรี 1 ราย, สระบุรี 1 ราย, ตรัง 1 ราย, กาญจนบุรี 1 ราย) โดยทั้ง 6 รายมีประวัติกินไส้กรอก ซึ่งไม่มียี่ห้อ ไม่มีเอกสารกำกับ อาการของผู้ป่วยคือ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ อาจหมดสติได้ เหนื่อย หายใจเร็ว เขียว ระดับออกซิเจนวัดที่ปลายนิ้วต่ำ ขณะนี้ยังไม่มีรายใดที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต

สำหรับภาวะเมทฮีโมโกลบิน เป็นภาวะที่ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงถูกออกซิไดซ์โดยสารออกซิแดนต์ต่างๆ กลายเป็นเมทฮีโมโกลบิน ทำให้สูญเสียความสามารถในการขนส่งออกซิเจน และสีของเม็ดเลือดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ ผู้ป่วยจะมีอาการของการขาดออกซิเจน เช่น มึนศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หายใจเร็ว เขียว หากรุนแรงจะมีอาการหอบเหนื่อยมาก เลือดเป็นกรด ความดันโลหิตต่ำและเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ สารออกซิแดนต์ที่อาจมีการเติมในไส้กรอก หรืออาหารแปรรูปคือสารตระกูล ไนเตรต และโซเดียมไนไตรต ซึ่งเป็นวัตถุกันเสีย ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 281 (พ.ศ. 2547) ได้กำหนดปริมาณที่อนุญาตให้ใช้โซเดียมไนไตรต์ และโซเดียมไนเตรตในอาหารได้ไม่เกิน 125 และ 500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ กรณีที่ใช้ทั้งโซเดียมไนไตรต์และโซเดียมไนเตรตให้มีปริมาณรวมกันได้ไม่เกิน 125 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ในการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเติมสารไนเตรต-ไนไตรต เยอะกว่าปกติ หรืออาจผสมไม่ดีทำให้มีบางส่วนมีปริมาณสารสูงเกินกว่าที่ควรได้

ดังนั้น โปรดเฝ้าระวังการบริโภคไส้กรอกจากแหล่งที่ไม่แน่ชัด/ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในเด็กเนื่องจากเด็กจะไวต่อสารกลุ่มนี้มากกว่าผู้ใหญ่ หากมีอาการผิดปกติ ควรไปตรวจที่ร.พ. หากทาง ร.พ. สงสัยภาวะเมทฮีโมโกลบิน สามารถปรึกษา ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีได้ที่ 1367 ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้ทางศูนย์ ประสานกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อดำเนินการสืบค้นแหล่งที่มาของการระบาดแล้ว

ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ระบุเพิ่มเติมว่า ปกติร่างกายคนเราได้รับสารออกซิแดนต์ในขนาดน้อยๆ จากแหล่งต่างๆ อยู่แต่ไม่เกิดปัญหาเพราะร่างกายสามารถเปลี่ยน methe moglobin กลับเป็นฮีโมโกลบินปกติได้ แต่หากมีปริมาณเมทฮีโมโกลบินสูงมากๆ (ได้รับสารออกซิแดนต์เยอะเกินไป) ร่างกายจะเปลี่ยน methemoglobin คืนเป็นฮีโมโกลบินปกติไม่ทัน นำไปสู่ภาวะขาดออกซิเจน

การรักษาคือหยุดการได้รับสาร ให้ออกซิเจน และในรายที่รุนแรงอาจาพิจารณาใช้ยา methylene blue (มีในระบบยาต้านพิษ) ในผู้ป่วยบางรายอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกรุนแรงจากการได้รับสารออกซิแดนต์ร่วมด้วยต้องมีการติดตามระดับเกลือแร่ ให้สารน้ำและเลือดทดแทน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน