เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ ร.พ.ราชวิถี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ “Dengue Effective for Treatment and Prevention” การดูแลรักษาและป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีประสิทธิภาพ ว่า ตามการคาดการณ์และพยากรณ์โรคพบว่า ก.ค.-ส.ค.น่าจะเป็นจุดสูงสุดของไข้เลือดออก เพราะจะระบาดช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะช่วงที่ตกบ้างหยุดบ้าง ทำให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายเพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้มีผู้ป่วยมากขึ้น อีกปัจจัยคือบ้านเราไม่มีการระบาดของไข้เลือดออก โดยเฉพาะช่วงโควิดมา 2-3 ปีแล้ว เนื่องจากคนไม่ค่อยมีการเดินทาง การระบาดของโรคจึงไม่รวดเร็วและกว้างขวาง ทำให้คนมีภูมิต้านทานต่อโรคไข้เลือดออกลดน้อยลง ทำให้ปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีการระบาดมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา และจากสถิติตัวเลขเมื่อต้นก.ค.อยู่ที่ 2.7 หมื่นคน แต่ดูทั้งหมดแล้วอาจถึง 3 หมื่นกว่าคน ผู้เสียชีวิตก็ 20 กว่าราย มาตรการป้องกันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับการประชุมวันนี้ กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค ร่วมกับราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย และสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยร่วมกันจัดขึ้น เป็นการประชุมวิชาการมีประเด็นเรื่องการดูแลวินิจฉัย รักษา และการป้องกันโรค โดยเฉพาะการวินิจฉัยและรักษาให้เร็วขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากระบาดวิทยาเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมผู้ใหญ่ไม่ค่อยเป็นไข้เลือดออก ระยะหลังเริ่มพบผู้ใหญ่รวมถึงผู้สูงอายุเป็นโรคไข้เลือดออกมากขึ้น การวินิจฉัยในผู้ใหญ่จะสลับซับซ้อนแตกต่างจากเด็ก ความชำนาญของแพทย์ เพราะคิดว่าเป็นโรคในเด็ก ทำให้หมอเด็กจะระมัดระวัง ก็ต้องย้ำเตือนว่าผู้ใหญ่ก็เป็นได้ อีกทั้งการวินิจฉัยโรคนั้น ช่วงหน้าฝนมีโรคติดต่อหลายอย่างมาพร้อมกัน ทั้งไข้หวัดใหญ่ โควิด ฉี่หนู ไข้เลือดออก อาการเริ่มต้นคล้ายกัน คือ มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ระยะแรกการวินิจฉัยจะแยกโรคไม่ได้ ไม่ว่าใช้เครื่องมือใดๆ ก็ตาม การติดตามผู้ป่วยเป็นระยะจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวินิจฉัย

ด้านนพ.นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-28 มิ.ย. 2566 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสม 27,377 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิต 33 ราย โดยตั้งแต่ มิ.ย.พบผู้ป่วยสัปดาห์ละ 1,500-2,400 ราย เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1-3 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 5-14 ปี ตามด้วยกลุ่มอายุ 15-24 ปี ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้เพิ่มกลยุทธ์เพื่อควบคุมจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกในประเทศ โดยเร่งสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนในชุมชนต่างๆ ในการป้องกันตนเอง การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์โรค ร่วมกับมาตรการการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค การประเมินแนวโน้มพื้นที่การระบาดของโรคหรือความชุกชุมของแหล่งโรค เพื่อประกาศเป็นโรคระบาดเฉพาะพื้นที่และวางมาตรการตอบโต้ รวมทั้งเน้นการควบคุมโรคให้เหมาะกับบริบทพื้นที่โดยเฉพาะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน