ชงตั้งกองทุน‘บำนาญแห่งชาติ’ – สำนักงานเศรษฐกิจการคลังไฟเขียว พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เป็นภาคบังคับทั้งเอกชน-หน่วยงานรัฐตั้งกองทุนสมทบเงินช่วยแรงงานรวม 14 ล้านคน มีรายได้หลังเกษียณ โดยลูกจ้างรายได้ไม่เกิน 6 หมื่น/เดือน สมทบคนละครึ่งกับนายจ้าง หากเงินเดือนไม่ถึง 1 หมื่น นายจ้างสมทบฝ่ายเดียว

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สรุปผลการรับฟังความคิดเห็น ต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนบำเหน็จบำนาญ แห่งชาติ (กบช.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมเสนอให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ
เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเป็นประโยชน์ทำให้แรงงาน ในระบบทั้งหมด ประมาณ 14 ล้านคน มีรายได้หลังเกษียณ ไม่น้อยกว่า 50% ของรายได้ก่อนเกษียณ ซึ่งในจำนวนนี้เป็น ผู้ที่ได้รับค่าจ้างไม่เกิน 1 หมื่นบาทต่อเดือน มีสัดส่วนสูงถึง 50%

กฎหมาย กบช.นี้ ทำหน้าที่เหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในปัจจุบัน แต่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นกองทุนภาค สมัครใจ มีแรงงานในระบบเป็นสมาชิกเพียง 3 ล้านคนเท่านั้น แต่กองทุน กบช. เป็นกองทุนภาคบังคับ นายจ้างจะต้องตั้งกองทุนขึ้นมาและใส่เงินสมทบเข้ากองทุน ซึ่งจะทำให้แรงงานในระบบ 14 ล้านคนมีเงินออมใช้ในวัยเกษียณอย่างเพียงพอ

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. กบช. กำหนดว่า ให้ลูกจ้างที่มีอายุตั้งแต่ 15-60 ปี ทั้งลูกจ้างเอกชน ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน เข้าเป็นสมาชิก

เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้จะให้ระยะเวลา 1 ปี กิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปจะต้องตั้งกองทุน กบช. ส่วนกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป จะต้องตั้งกองทุน กบช.ภายใน 3 ปี และกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป จะต้องตั้งกองทุนภายใน 5 ปี

การจ่ายเงินสมทบ ลูกจ้างต้องมีเพดานค่าจ้างไม่เกิน 6 หมื่นบาทต่อเดือน ในปีที่ 1-3 จ่ายฝ่ายละ 3% ของค่าจ้าง ปีที่ 4-6 จ่ายฝ่ายละ 5% ของค่าจ้าง และปีที่ 7-9 จ่ายฝ่ายละ 7% ของ ค่าจ้าง และปีที่ 10 ขึ้นไป จ่ายฝ่ายละไม่เกิน 10% ของค่าจ้าง

ลูกจ้างที่มีค่าจ้างน้อยกว่า 1 หมื่นบาทต่อเดือน ให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบฝ่ายเดียว โดยที่ลูกจ้างไม่ต้องจ่าย ส่วนกรณีที่ลูกจ้างและนายจ้างส่งเพิ่มเกินสูงสุดไม่เกิน 30% ของ ค่าจ้างโดยไม่จำกัดเพดานค่าจ้าง ส่วนผลตอบแทนที่ลูกจ้างจะได้รับ เลือกได้ว่าจะรับเป็นเงินบำนาญ 20 ปี หรือบำเหน็จเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเงินที่ได้จะได้รับการยกเว้นภาษี

ที่ผ่านมากระทรวงการคลังพยายามเร่งผลักดันกฎหมาย ดังกล่าว เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวสำหรับประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลจะมี ค่าใช้จ่ายอย่างมากหากไม่มีการจัดตั้งกองทุน กบช. ขึ้นมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน