สวดมนต์ ต้องไม่โค่นสาธยาย (17)
คอลัมน์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)

แต่การทำสมาธินี่ที่จริงเป็นเรื่องการปฏิบัติภายในของแต่ละคนนั้นๆ เอง เขาอยู่ในที่ของเขา เขาก็สวดมนต์ในส่วนของตัวเองเพื่อเตรียมจิตให้สงบพร้อมน้อมที่จะมั่นแน่วเป็นสมาธิ การชุมนุมสวดมนต์ด้วยกันเพื่อผลในการเจริญสมาธิจึงเป็นส่วนเสริมเพิ่มเข้ามา ไม่ใช่เป็นผลที่หมายตัวแท้ตัวจริง
การสวดมนต์ที่เป็นการปฏิบัติภายในของตัวบุคคลที่ควรสนับสนุนอย่างหนึ่ง คือสวดมนต์เพื่อช่วยให้นอนหลับ การสวดมนต์เพื่อนำการเจริญสมาธิและเพื่อแก้ปัญหานอนไม่หลับนี้ เป็นประโยชน์จำเพาะทางจิตใจที่ระบุความ มุ่งหมายแยกไว้เป็นพิเศษแล้ว จึงไม่มาสับสนปนเปกับวัตถุประสงค์ทั่วไปตามปกติของการสวดมนต์
รวมแล้ว ถ้าจะให้เข้าหลักแท้ ก็อย่างที่ว่า คือให้การสวดมนต์หมู่ตามต่อมาด้วยกิจกรรมที่เป็นบุญกิริยาใหญ่ อันให้ประโยชน์ ที่ได้ทางจิตใจแล้วก็ได้ปัญญาด้วย ก็คือ การฟังธรรมนั่นแหละ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่จะให้ได้ครบไปจบถึงปัญญา
นอกจากนั้น บางครั้งการชุมนุมสวดมนต์ด้วยกันพร้อมกันนี้ ก็อาจใช้เป็นการเตรียมตัวให้สงบมั่นคงมั่นใจพร้อมเพื่อการทำกิจสำคัญอย่างอื่น ตั้งแต่การรวมกำลังทำงานบุญของชาวบ้าน ไปจนกระทั่งถึงกิจการของบ้านเมือง
ในบ้านเมืองไทยสืบมาแต่สมัยก่อนโน้น มีวัดที่ชื่อว่า “ชนะสงคราม” อย่างที่กาญจนบุรี มีวัดชัยชุมพลชนะสงคราม วัดนั้นเป็นอย่างไร ตามเรื่องเก่าที่พอได้ทราบว่า ในยามที่พระมหากษัตริย์ทรงเตรียมทัพออกศึก จะโปรดให้ทหารมาชุมพลคือมาประชุมพร้อมกันที่วัดนั้น ทำจิตใจให้สงบมั่น เป็นการได้รับพร ให้พร้อมก่อนที่จะยกทัพออกไป จึงมีชื่อว่าวัดชัยชุมพลชนะสงคราม
ที่กรุงเทพฯ ก็มีวัดชนะสงคราม ซึ่งตามที่ทราบว่าเป็นวัดที่มีโบสถ์ใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นที่ชุมนุมทหารได้เหมาะ หมายความว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงไปรบชนะกลับมา ก็มารวมพลที่วัดชนะสงคราม ก่อนที่จะปล่อยแยกย้ายกันไป อันนี้พูดสั้นๆ ว่าเป็นการทำจิตให้เข้าที่ ลงท้ายโดยมารวมกันในกุศล ให้ความสงบมาปิดท้ายจบความวุ่นวาย ให้พร้อมดีที่จะกลับไปดำเนินชีวิตในยามปกติต่อไป
ที่พูดมานี้ว่าไปตามที่ได้ยินได้ฟังมาบ้าง ยังไม่ได้สอบสวนค้นคว้าอะไร ดังนั้น ท่านใดซึ่งใกล้ชิดที่ใกล้ชิดเรื่อง และมีโอกาส ก็อาจจะนำเนื้อความที่หนักแน่นชัดเจนสักหน่อยมาบอกเล่ากัน
ทีนี้ ว่าถึงการรวมพลที่จะไปรบนั้น ก็หมายความว่าทางบ้านเมืองได้เอาการสวดมนต์เป็นต้นนี้ ขยายไปใช้ประโยชน์ โดยยกความสงบมั่นคงความพร้อมด้านจิตใจเป็นสำคัญขึ้นมา ให้ชีวิตมีฐานทางด้านบุญก่อน แล้วเรื่องไปรบจึงมาต่อในจิตที่เตรียมไว้ให้พร้อมดีแล้ว
ถ้าไม่เตรียมให้พร้อมดีในด้านจิตใจ ทหารหรือคนที่จะไปรบนั้นตื่นเต้น หลายคนก็หวาดผวา ใจไม่ดี บางคนก็คิดถึงครอบครัวห่วงกังวลโน่นนี่ ใจฟุ้งซ่านไปต่างๆ ก็มารวมชุมพลที่วัดพร้อมกันแล้วสวดมนต์ ใจจะได้สงบ นี่ก็คือรวมพล รวมคน รวมใจ ใจก็สงบจากเรื่องทั้งหลาย มามองหมายมุ่งไปที่งานอันจะทำต่อไป และองค์พระจอมทัพก็อาจจะตรัสความนำใจนำปัญญา พามวลพลกายให้มีใจหนึ่งเดียวมุ่งไปยังจุดหมายของการรักษาบ้านเมือง เพื่อประโยชน์สุขของมวลประชาราษฎร์ ทีนี้ใจก็จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมั่นสงบพร้อม ดังนั้น การสวดมนต์ก็จึงใช้แม้แต่ในเรื่องของทางการบ้านเมือง เรื่องก็เป็นมาทำนองนี้
ต้องพูดแทรกบอกไว้กันความเข้าใจผิดด้วยว่า หลายคนอาจพูดว่า การทำอย่างนี้ก็เป็นการเอาสวดมนต์ เอาเรื่องพระเรื่องบุญไปใช้ในการรบราฆ่าฟันกันด้วยสิ
ขอให้เข้าใจตามหลักที่ได้พูดไปแล้วข้างต้นว่า การสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ อวยชัยให้พร หรือแม้แต่จะพรมน้ำมนต์ให้แก่เหล่าทหาร แก่กองทัพนั้น ในพระพุทธศาสนาเป็นไปตามหลักของปริตร/ปริตต์/ปริตตาณะ คือเพื่อการคุ้มครองป้องกัน หรือปกปักรักษา ให้ตนเองและหมู่ชนปลอดภัย มีความเกษมสวัสดี พ้นเลยจากนั้นไปแล้ว ก็เป็นเรื่องของตัวคนนั้นๆ เองที่ไปคิดไปทำ การที่จะไปเข่นฆ่าทำร้ายใคร หรือจะไปมีโชคลาภร่ำรวยอะไรนั้น พระไม่ไปยุ่งด้วย พระได้แต่อ้างอิงสัจจะอ้างอิงธรรมให้อำนวยความคุ้มครองให้มั่นคงปลอดภัย ปกป้องรักษาให้ได้ความสงบมั่นใจหลักการนี้ออกมาเป็นประเพณีที่มีการปฏิบัติสอดคล้องกันในขอบเขตแค่นั้น
ทีนี้ว่าถึงในปัจจุบัน การชุมนุมสวดมนต์รวมพลรวมใจให้สงบพร้อมมั่นคงมั่นใจแบบนี้ ก็น่าจะใช้ได้ดีกับกิจกรรมบุญกุศล ส่วนรวมต่างๆ เช่นให้ชาวบ้านมาชุมนุมสวดมนต์พร้อมด้วยกัน ก่อนที่จะรวมกำลังกันทำงานบุญบำเพ็ญประโยชน์ เช่นพัฒนาหมู่บ้าน พัฒนาชุมชนให้ทุกคนอยู่กันดีมีศีลมีธรรม
เป็นอันว่า ถึงแม้เราจะไม่ใช้การสวดมนต์ในความหมายแบบเดิมในครั้งพุทธกาล คือ หนึ่ง ใช้ในการเรียนธรรมของตน สองใช้ในการรักษาพุทธพจน์ ก็เอาการสวดมนต์มาใช้ในการรวมพลรวมคน รวมใจ เตรียมตัวให้พร้อมที่จะทำงานบุญหรือกิจกรรมที่ดีงาม เมื่อจะทำอะไรที่สำคัญ เราก็มารวมพลสวดมนต์กันให้ใจสงบมั่นแน่ว แล้วก็เริ่มทำการที่คิดหมายไว้ ตัวคนก็จะพัฒนา งานของชุมชนก็จะได้ผลจริงจัง นี่ก็เล่าให้ฟังไว้
ข้อสำคัญคือ ในเรื่องนี้ต้องจับให้ได้สารธรรม ที่จะทำการสวดมนต์นั้นโดยมีปัญญารู้เข้าใจ และทำให้ได้ประโยชน์แท้ที่มุ่งหมาย ไม่ใช่แค่สวดไปสวดมาว่าตามๆ กันไป จนกลายเป็นแย่กว่าสวดมนต์ของพราหมณ์ ได้แต่มัวเคลิบเคลิ้มเพลินๆ กันไป กลายเป็นว่าทำให้คนยิ่งเฉื่อยชาไปกันใหญ่ ดีไม่ดีก็เลยไถลลงไปอยู่ในความประมาท สติก็ห่างหาย ปัญญาก็ไม่มาฉายแสงนำทางให้
การเข้ามารวมกลุ่มชุมนุมกันสวดมนต์มากมายใช้เวลานานๆ ให้เคลิ้มจิตเคลิ้มใจอยู่กับใจของตัวได้ หายทุกข์หายกังวลนั้น จะยอมให้ได้ก็สำหรับคนที่เจ็บไข้หนัก และท่านผู้เฒ่าชรา (และเด็กเล็กเด็กน้อย) ซึ่งไม่มีแรงกาย แรงใจที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้น ให้ได้มีที่พึ่งจิตที่พักใจได้ชื่นชมชูกำลังให้ฟื้นคืนความแจ่มใสขึ้นมา
แต่สำหรับคนทั่วไปที่ยังมีเรี่ยวแรง การสวดมนต์จะต้องเป็นแรงขับเคลื่อนให้เดินหน้า ก้าวต่อไปกับสติและปัญญา ไม่ใช่เป็นแค่ที่ พักใจให้มาติดเพลิน และไม่ใช่จะให้มาติดอยู่แค่การแก้ปัญหาจิตใจ แต่ต้องไปให้ถึงจุดหมายที่แท้ แต่ดั้งเดิม คือมุ่งไปที่การมีสติที่จะได้เจริญปัญญา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน