คลังรีดภาษี‘เฟซบุ๊ก-ไลน์’กรมสรรพากร ประกาศ 1 ก.ย. 2564 ลุยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มผู้ประกอบการที่ให้บริการอี-เซอร์วิสจากต่างประเทศ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ เน็ตฟลิกซ์ ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี คาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีปีละ 5,000 ล้านบาท

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.2564 (การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ หรือ e-Service) ได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว กำหนดให้ผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ รวมทั้งอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ยื่นแบบแสดงรายการ และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือนให้แก่กรมสรรพากร ภายใต้ระบบ pay-only (ห้ามหักภาษีซื้อ) โดยไม่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีและรายงานภาษีซื้อ

ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจะครอบคลุมผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศ ได้แก่ การให้บริการดาวน์โหลด หนังภาพยนตร์ เพลง เกม สติ๊กเกอร์ นายหน้า สื่อโฆษณา เป็นต้น แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการในประเทศไทย เช่น Apple, Google, Facebook, Netflix, Line, Youtube และ Tiktok เป็นต้น และต้องมีรายได้จากการให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี

กรมสรรพากรระบุอีกว่า กฎหมายดังกล่าวจะสร้างความเป็นธรรมในการเสียภาษีระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ช่วยปิดช่องโหว่ของกฎหมาย เพราะมีการกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศต้องจดทะเบียนเป็น ผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่ยื่นแบบและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับกรมสรรพากรเช่นเดียวกับผู้ประกอบการในประเทศ โดยกฎหมายดังกล่าวจะยกระดับแนวทางการบริหารจัดเก็บภาษีของไทยให้สอดรับกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและรูปแบบการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประเทศ โดยคาดว่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้นปีละ 5,000 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้กรมสรรพากรได้หารือกับผู้ประกอบการต่างประเทศ และหน่วยงานจัดเก็บภาษีในหลายประเทศที่มีการใช้กฎหมายเช่นเดียวกันนี้ พบว่า ผู้ประกอบการต่างประเทศส่วนใหญ่มีความเข้าใจในหลักการของกฎหมายและได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของต่างประเทศ ที่มีหลักการเดียวกันกับร่างกฎหมายนี้อยู่แล้ว โดยผู้ประกอบการต่างประเทศให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีเป็นอย่างดี ทั้งนี้กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบ Simplified VAT System for e-Service (SVE) ซึ่งเป็นระบบการจดทะเบียน การยื่นแบบ และการชำระภาษีที่สะดวกให้ผู้ประกอบการแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน