ทอดมอง สู่ชนบท สู่ชาวนา(จบ) – ต้องยอมรับว่าการประสบเข้าปฏิบัติการปราบปรามของเจียงไคเช็กที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนเมษายน 1926 ได้สร้างความเสียหายให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นอย่างสูง
เท่ากับเป็นสัญญาณ “เตือน” ครั้งสำคัญ
แม้การต่อสู้ในการช่วงชิงการนำ ไม่ว่าจะในระหว่างปฏิบัติงาน ณ โรงเรียนนายร้อยหวางพูจะสะท้อนให้เห็นเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
แม้เมื่อเข้าร่วมสงครามปราบขุนศึกภาคเหนือ
การปลุกระดมชาวนาให้เข้าไปมีส่วนในการหนุนเสริมการรุกกำลังทางทหาร แต่ก็สร้างความหวาดระแวงเป็นอย่างสูงให้เกิดขึ้น
ระหว่างกองทัพที่แนบชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์ กับที่แนบชิดกับพรรคก๊กมินตั๋ง
ยิ่งการต่อสู้ระหว่างปีกซ้ายกับปีกขวาภายในพรรคก๊กมินตั๋งทวีความแหลมคมมากเพียงใด ยิ่งก่อให้เกิดความหวาดระแวงมากเพียงนั้น
ในที่สุด การล้อมปราบเข่นฆ่าในเดือนเมษายน 1927 ก็เป็นเส้นแบ่ง
มีความพยายามจากศูนย์การนำของพรรคในการพลิกฟื้นสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกำหนดเข็มมุ่งในการลุกขึ้นสู้อย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นที่หนานซาง ไม่ว่าจะเป็นที่ฉางซา
ในห้วงเวลาเช่นนี้เหมาปฏิบัติตามคำชี้แนะและมติจากศูนย์กลางพรรคด้วยความ เชื่อมั่น โดยเฉพาะเมื่อได้รับมอบหมายให้ก่อการในพื้นที่มณฑลหูหนาน
เท่ากับเป็นการทดสอบว่าการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธในเมืองจะเป็นเช่นใด
บทสรุปไม่ว่าจะจากตัวของเหมาเอง ไม่ว่าจะจากความพ่ายแพ้ของส่วนอื่น เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายของก๊กมินตั๋งที่ยึดกุมอำนาจรัฐอยู่ในฐานะได้เปรียบ
แม้กำลังของคอมมิวนิสต์จะยึดได้ แต่ไม่นานก็ถูกรุกและยึดคืนกลับ
การแตกทัพจากฉางซาทำให้กำลังที่เหลืออยู่ของเหมาถอยร่นเข้าไปสู่ชนบทอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น กระทั่งไปถึงเป้าหมายคือชนบทแห่งเทือกเขาจิ่งกังซาน
นั่นย่อมเป็นทางเลือกใหม่ในการต่อสู้ของเหมาและพลพรรค
หากมองจากการตัดสินใจของเหมาไม่น่าจะเป็นการตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น หากแต่น่าจะค่อยๆสะสมและมองเห็นเหตุผลและความชอบธรรมหนักแน่น มากยิ่งขึ้น
ต้องยอมรับว่าพื้นฐานความคิดของเหมาเป็นอย่างไร
พื้นฐานหนึ่งของเหมาแนบแน่นอยู่กับประวัติศาสตร์และความเป็นจริงในการต่อสู้ของชาวนาจีนตั้งแต่ยุคของเล่าปังกระทั่งยุคของจูหยวนจาง
เหมาอ่าน “สามก๊ก” และ “ซ้องกั๋ง” อย่างเจนจบ
พื้นฐานในทางวรรณคดีได้เข้าไปเสริมพื้นฐานในทางประวัติศาสตร์ที่เป็นจริงก่อให้เกิดการประสานระหว่างความฝันกับความเป็นจริง
โดยเฉพาะเมื่อเห็นพลังของ “ชาวนา” ที่ประสบโดยตนเองที่หูหนาน
การถอยร่นจากฉางซาไปยังเทือกเขาจิ่งกังซานจึงเท่ากับประสานความเชื่อมั่นโดยพื้นฐานของเหมากับความเป็นจริงที่ประสบ
ก่อรูปขึ้นเป็นการตัดสินใจเข้าป่า ขึ้นเขา
จากนี้จึงเห็นได้ว่า แต่ละขั้นตอนในทางความคิดของเหมาดำเนินไปมิใช่โดยการคาดคิดหรือประเมินเอาอย่างเลื่อนลอย หากแต่ผ่านขั้นตอนในการปฏิบัติ และสรุป
สรุปจากความเป็นจริงในประวัติศาสตร์
ไม่ว่าประวัติศาสตร์จากที่ศึกษาผ่านบทบาทของเล่าปังผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่น ไม่ว่าประวัติศาสตร์จากที่ศึกษาผ่านบทบาทของจูหยวนจางผู้สถาปนาราชวงศ์หมิง
ขณะเดียวกัน ก็ลงไปเคลื่อนทั้งกับ “กรรมกร” และ “ชาวนา”
ความเป็นจริงที่ได้ประสบจากการเคลื่อนไหวในเมือง ในโรงงาน เมื่อประสาน เข้ากับความเป็นจริงที่ได้ประสบจากการเคลื่อนไหวในชนบทกับชาวนา
ก่อให้เกิดความมั่นใจในการเดินหน้าไปสู่แนวรบใหม่ในทางการเมือง