ถ่ายทอด มติจาก ศูนย์กลางพรรค (19) – เมื่อเขียน “ยุทธศิลป์ เหมาเจ๋อตง” ออกตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจในเดือนกรกฎาคม 2552 บุญศักดิ์ แสงระวี ด้านหนึ่ง ระบุว่า การตั้งฐานที่มั่นปฏิวัติบนเขาจิ่งกังซานเป็นที่เพ่งเล็งของรัฐบาลก๊กมินตั๋ง

ในไม่ช้า หยางหยูชวน ผู้บัญชาการกองพลที่ 27 ในอำเภอจี้อัน ทางตะวันออกของจิ่งกังซาน

ก็ยกกำลัง “เข้าปราบ” หมายจะทำลายฐานที่มั่นแห่งนี้ตั้งแต่ยังแบเบาะ เหมารับศึกด้วยการรวมศูนย์กำลังทหารหาโอกาสรบโดยตรง อันเป็นเรื่องทางการทหาร

ขณะเดียวกัน ก็มีการจัดเตรียมทางด้านการเมือง

นั่นก็คือ ชี้นำให้องค์กรพรรคให้องค์กรพรรคในอำเภอหนิงกังทางเหนือของ จิ่งกังซานจัดตั้งกองกำลังท้องถิ่นและมวลชน ประสานกับกองทัพแดงร่วมกันสู้ทำลายการเข้าปราบจนสำเร็จ

ยึดซินเฉิงที่มั่นของข้าศึกได้ ทำลายกำลังของกองพลที่ 27 ได้ 1 กองพัน

ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกภายใต้การบัญชาการของเหมานับจากการลุกขึ้นหน้าเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงและหลังจากขึ้นเขาจิ่งกังซานมาแล้ว

เป็นกำลังใจแก่ทหารและประชาชนในจิ่งกังซานอย่างใหญ่หลวง

ขณะที่ความยินดีต่อชัยชนะในการต่อต้าน “การเข้าปราบ”ของศัตรูยังไม่เหือดหายไปอีกด้านหนึ่ง ต้นเดือนมีนาคม 1928 คณะกรรมการพรรคพิเศษมณฑลหูหนาน

ก็ส่งผู้แทนชื่อ โจวหลู่ เข้ามาแจ้ง “มติ”

ของคณะกรรมการกลางชั่วคราวและของคณะกรรมการหูหนานแก่เหมา ระบุว่า คณะกรรมการส่วนหน้าที่เหมาเป็นเลขาธิการ “การปฏิบัติการเอียงขวาเกินไป เผาและฆ่าน้อยเกินไป” มิได้ดำเนินตามนโยบายที่ “ทำให้ชนชั้นนายทุนน้อยกลายเป็นผู้ไร้สมบัติ หลังจากนั้นก็บังคับพวกเขาให้ปฏิวัติ”

เหมามีความผิดหนักหน่วงที่เป็นลัทธิฉวยโอกาสทางการทหาร ไม่ปฏิบัติตามคำชี้แนะของคณะกรรมการกลางที่ให้ตีเมืองฉางซา กลับนำทหารขึ้นเขาจิ่งกังซานโดยพลการ

หลบหนีการสู้รบ ละเมิดนโยบายของคณะกรรมการกลาง

คณะกรรมการกลางมีมติให้ขับออกจากพรรคและยุบคณะกรรมการส่วนหน้าจัดตั้งใหม่ส่วนเหมาให้รับหน้าที่ผู้บัญชาการกองพลอย่างเดียว

และหน่วยทหารไม่ให้เกี่ยวข้องกับงานท้องถิ่นทั้งหมด

มติเหล่านี้ทำให้เกิดความอัดอั้นตันใจไปทั่วจิ่งกังซาน แต่เหมาแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ ปฏิบัติตามมติโดยไม่ได้บิดพลิ้ว นับเป็นครั้งแรกที่เหมาต้องพกปืนเมาเซอร์ไปรับหน้าที่

เขาสารภาพต่อหน้ากองทหารปฏิวัติกรรมกรชาวนาว่า

“ผมไม่ใช่นักรบ แต่เป็นนักเรียนรู้ ผมถนัดแต่ถือด้ามพู่กัน ไม่ถนัดถือด้ามปืน นักเรียนรู้ไปปฏิวัติ 3 ปีก็ไม่สำเร็จ การเป็นผู้บัญชาการกองพลก็รู้สึกพิลึก แต่รั้วก็ต้องใช้ 3 เสาค้ำ คนเก่งต้องใช้ 3 คนช่วย

ช่างทำหนังเหม็นๆ 3 คน รวมกันเป็นขงเบ้งได้ 1 คน

ก็ต้องอาศัยท่านทั้งหลายนี่แหละ เรามีผู้ปฏิบัติงานอยู่มากมายล้วนเป็นกระดูกสันหลังของพรรค พวกท่านมาเป็นเสนาธิการให้ผมก็แล้วกัน”

แต่สิ่งที่ยังความเสียใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับเหมาคือการถูกขับออกจากพรรค

พรรคเป็นชีวิตจิตใจของเขา ต่อมาภายหลังจึงได้รู้ว่าเกิดจากความเข้าใจผิด คณะกรรมการกลางชั่วคราวไม่ได้ขับเขาออกจากพรรค เพียงแต่ปลดเขาออกจากกรรมการกรมการเมืองสำรองเท่านั้น

ทำให้เหมาโล่งอก

อีกสถานการณ์หนึ่งซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างสูงต่อสถานการณ์การสร้างฐานที่มั่นปฏิวัติบนเขาจิ่งกังซาน และต่อการปรับเปลี่ยนกองทหารให้มีลักษณะปฏิวัติ เป็นกองทัพในรูปแบบใหม่

นั่นก็คือ การบรรจบทัพระหว่างจูเต๋อกับเหมาเจ๋อตง

ภายหลังการลุกขึ้นสู้ที่หนานซางโดยการนำของโจวเอินไหลเมื่อเดือนสิงหาคม 1927 ระหว่างถอนตัวลงใต้เข้าเขตกวางตุ้งก็ถูกล้อมตีจนแตกกระเจิดกระเจิง

ส่วนหนึ่งหลบไปยังอำเภอไหลุฟงในกวางตุ้ง

อีกส่วนหนึ่งภายในการบัญชาการของจูเต๋อและเฉินอี้ก็รบพลาง ถอยพลาง ไปยัง ภาคใต้ของมณฑลหูหนานเพื่อทำสงครามจรยุทธ์

บนเส้นทางการถอยได้สะสมบทเรียนและประสบการณ์สงครามจรยุทธ์มากมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน