บรรจบทัพ เหมา กับ จูเต๋อ (20) – บุญศักดิ์ แสงระวี ระบุว่าเดือนมกราคม 1928 กองกำลังของจูเต๋อ เฉินอี้ 10,000 กว่าคน ก่อการลุกขึ้นสู้อีกที่เมืองอี่จาง ยึดเมืองเฉินเสี้ยนและเหล่ยหยาง เอาไว้ได้ แต่ยึดได้เพียงไม่กี่วัน
พวกขุนศึกท้องถิ่นและเจียงไคเช็กก็ระดมกำลัง 19 กองพลมาล้อมตี
ทัพของจูเต๋อ เฉินอี้ จึงต้องถอนออก จูเต๋อ สรุปจากประสบการณ์ตรงว่า การทำสงครามจรยุทธ์ต้องซัดเซพเนจร ระเหเร่ร่อนเช่นนี้ไม่ใช่วิธีการที่จะทำให้การปฏิวัติชนะอย่างแน่นอน
แม้แต่กำลังที่มีอยู่จะรักษาให้ตลอดรอดฝั่งก็ยังยาก
ไหนจะเรื่องเสบียงอาหาร ไหนจะเรื่องอาวุธ กระสุนดินดำที่ร่อยหรอไปทุกวัน ไหนจะเรื่องกำลังพลซึ่งมีขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นอย่างยิ่ง
ที่หนีทัพไปก็มาก ที่ท้อถอยถอนตัวไปก็ไม่น้อย
เมื่อจูเต๋อได้ข่าวการขึ้นไปตั้งหลักบนเขาจิ่งกังซานของเหมาและมีผลงานเลื่องลือไปแล้วเขาเห็นในทันทีว่าทิศทางของเหมาที่นำการปฏิวัติไปสู่ชัยชนะได้
เหตุการณ์อันเป็น “เส้นแบ่ง” สำคัญในประวัติศาสตร์จึงได้บังเกิด
จูเต๋อจึงตัดสินใจส่งคนไปติดต่อกับเหมา ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับเหมาก็ได้ข่าวความพ่ายแพ้จากการลุกขึ้นสู้ที่หนานซาง ก็พยายามส่งคนไปติดตามกองกำลังที่เหลือ
นั่นก็คือ การชูประเด็นฐานที่มั่นปฏิวัติจิ่งกังซานขึ้นสูงเด่น
ในที่สุด เมื่อได้ฝ่าความลำบากยากเข็ญเลือดตาแทบกระเด็นมาแล้ว กองกำลังของจูเต๋อก็สามารถขึ้นมาถึงเขาจิ่งกังซานในตอนปลายเดือนเมษายน 1928
บรรจบทัพและได้พบหน้าเหมาในเขตอำเภอหนิงกัง
การบรรจบทัพครั้งนี้มีความหมายอันใหญ่หลวงในทางประวัติศาสตร์ ทำให้ กองกำลังบนเขาจิ่งกังซานเพิ่มจาก 2,000 กว่าคน เป็น 10,000 กว่าคน
จุดเด่นย่อมอยู่ที่ลักษณะพิเศษของกองกำลังในความรับผิดชอบของจูเต๋อ
กองกำลังที่จูเต๋อ เฉินอี้นำมา ส่วนใหญ่เป็นกำลังหลักอันแกร่งกล้าของเย่ถิงในสมัยสงครามปราบขุนศึกภาคเหนือ
อาวุธยุทโธปกรณ์และการฝึกค่อนข้างดี พลังสู้รบค่อนข้างเข้มแข็ง
หลังจากการบรรจบทัพแล้วก็มีการจัดกำลังกันใหม่ กำลัง 2 ส่วนผนึกรวมตั้งเป็น กองทัพที่ 4 แห่งกองทัพปฏิวัติกรรมกรชาวนา โดยมีจูเต๋อเป็นแม่ทัพ
เหมาเป็นผู้แทนพรรคและเลขาธิการของคณะกรรมการของกองทัพ
ระยะกาลเดียวกันนั้น สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีก การสู้รบระหว่างขุนศึกทางภาคใต้สงบลงชั่วคราว เจียงไคเช็กบัญชาการให้กองทหารของก๊กมินตั๋งและหูหนานและเจียงซี
ดำเนินการเข้าปราบฐานที่มั่นบนเขาจิ่งกังซานทันที
เหมาเขียนเอาไว้ในบทนิพนธ์เรื่อง “การต่อสู้ที่เขาจิ่งกังซาน” ว่ากองทหารปฏิกิริยาที่ทางมณฑลหูหนานและเจียงซีส่งมาปราบนั้นอย่างน้อย 8-9 กรม
ที่มากันมากๆ เคยมีถึง 18 กรม
แต่เราใช้กำลังทหารไม่ถึง 4 กรม ต่อสู้กับข้าศึกนานถึง 4 เดือน ทำให้เขตแข็งอำนาจขยายกว้างออกไปทุกวัน กองทัพแดงและกองรักษาการณ์แดงขยายออกไปทุกๆ วัน
บทนิพนธ์นี้ของเหมายืนยันหลักการอะไร
เหมายืนยันว่า นโยบายของเราในเวลานั้นก็คือ ต่อสู้กับข้าศึกอย่างเด็ดเดี่ยว สร้างอำนาจรัฐขึ้นในตอนกลางเทือกเขาหลอเซียวซาน คัดค้านลัทธิวิ่งหนี
ทำให้การปฏิวัติที่ดินในเขตแข็งอำนาจซึมลึกลงไป
พรรคในกองทัพช่วยพรรคในท้องถิ่นขยายตัว กองกำลังอาวุธของกองทัพช่วยกองกำลังอาวุธท้องถิ่นขยายตัว ใช้ยุทธวิธีรับต่ออิทธิพลปกครองที่ค่อนข้างเข้มข้นในหูหนาน
ใช้ยุทธวิธีรุกต่ออิทธิพลปกครองที่ค่อนข้างอ่อนแอในเจียงซี
ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ขยายงานหย่งซิน สร้างการแข็งอำนาจของมวลชนขึ้น วางแผนสำหรับการต่อสู้ระยะยาว รวมศูนย์กองทัพแดงรับมือกับข้าศึกเฉพาะหน้า คัดค้านการแยกกำลังทหารเลี่ยงข้าศึกตีทีละส่วน
ใช้นโยบายรุดหน้าแบบระลอกคลื่นขยายเขตแข็งอำนาจ คัดค้านนโยบายรุดหน้าไปอย่างสุ่มเสี่ยง