สงคราม จรยุทธ์ หวงหยางเจี้ย(37) – จุดป้องกันที่หวงหยางเจี้ยเป็นจุดป้องกันที่สำคัญจุดหนึ่งของชัยภูมิเขาจิ่งกังซาน ประสานเป็นเครือข่ายกับจุดป้องกันอีก 4 จุดบนยอดเขาป้าเมี่ยนซาน ซวงหม่าซี จูซาซง ถงกู่หลิง

ประกอบส่วนขึ้นเป็นระบบป้องกันทั่วด้านของฐานที่มั่นเขาจิ่งซาน

นอกจากนั้น จากเหมาผิงถึงหวงหยางเจี้ยล้วนแต่เป็นภูเขาสูงชัน ล้วนแต่จุดป้องกัน จุดตรวจการ ใหญ่น้อยเรียงรายเป็นระยะอยู่ทั้งสิ้นตลอดทาง

ทหารก๊กมินตั๋งกรมหนึ่งที่นำโดยสงซีอุยแม้จะสามารถบุกเข้าตัวเมืองหนิงกังได้

แต่ก็มีกำลังส่วนหนึ่งของกรมที่ 32 ของกองทัพแดงในความรับผิดชอบของหยวนเหวินไฉ พัวพันทำจรยุทธ์อยู่ทางเหนือของเหมาผิง ทางใต้ของหนิงกัง

ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้

ส่วนจุดป้องกันอีก 4 แห่งก็มีกำลังของกรมที่ 32 ในความรับผิดชอบของหวางจ่อ ร่วมกับกองรักษาการณ์แดงคอยระมัดอยู่

ไม่ต้องกังวลทางด้านหลัง

ค่ำวันที่ 29 สิงหาคม 1928 กำลังของก๊กมินตั๋งก็มาถึงหยวนโถวซุน เฉินอี้อัน อธิบายสภาพศึกแก่ทหารที่ประจำอยู่ในแนวรบและพร้อมเผชิญกับการสุ้รบว่า

“ข้าศึกในหูหนานคาดว่า กำลังหลักของเราอยู่หูหนานใต้และหย่งซิน

บนเขาไม่มีทหารแดงอยู่เลย เป็นโอกาสดีที่จะเข้าตีจิ่งกังซานซึ่งเป็น”เมืองว่าง”อยู่ ส่งทหารบุกมาทางหวงหยางเจี้ยนี่เพื่อสร้างความดีความชอบ เราอยู่ในฐานะที่เป็นต่อทั้งภูมิประเทศและมวลชน

รบโดยมีแนวหลังอยู่สามารถรบชนะได้นาน ข้าศึกไม่มีแนวหลัง ซ้ำยังเร่อร่าเข้ามาในเขตของเรา

จะรบได้ไม่นาน หลังจากสหายเหมารับกำลังใหญ่ที่ตู้ซิวจิงนำไปจะสอดแทรกเข้าไปยังแนวหลังของข้าศึก ในตอนนั้นข้าศึกจะรบก็รบไม่ได้ต้องถอยหนีไปอย่างทุลักทุเลแน่นอน

ถ้าข้าศึกถอยออกไปก่อนสหายเหมาก็จะออกตีทางซุ่ยชวนใต้เราลงไป

แม้จะมิได้รบกับข้าศึกกองนี้ก็ยังคงสามารถตีส่วนอื่นให้พ่ายไปอยู่ดี ขอให้พวกเราทำตามคำชี้แนะของสหายเหมา รักษาเขาจิ่งซานไว้อย่างเหนียวแน่น เต็มกำลัง

ก็จะสามารถรักษาฐานที่มั่นปฏิวัติจิ่งกังซานเอาไว้ได้ ไม่มีปัญหา”

วันที่ 30 สิงหาคม เมื่อหมอกที่ปกคลุมหนาทึบระเหยหายไปในตอนเช้ามืดก็มองเห็นทหารก๊กมินตั๋งเป็นแนวยาวไต่ขึ้นมาอย่างเงียบๆตามยอดเขาเตี้ยหวังจะเข้าจู่โจมตี

แต่ทหารแดงอยู่ที่สูง ทหารก๊กมินตั๋งอยู่ที่ต่ำ ต้องแหงนหน้าบุกเข้ามา

ในดงหญ้าคาก็เต็มไปด้วยขวากซึ่งทำดักไว้ พวกก๊กมินตั๋งจะตรูกันเข้ามาก็มิอาจทำได้ ได้แต่เดินแถวเรียงหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ .ซ้ำยังต้องทิ้งระยะห่างกันด้วย

แม้จะระดมมาถึง 1 กองพล แต่ก็ถูกภูมิประเทศบังคับให้ใช้ได้เพียง 1 กองพัน

กองทัพแดงมี 2 กองร้อย จำนวนห่างกันมาก หลังจากเข้าประจำสนามเพลาะแล้วก็เสริมแนวป้องกันให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งสะสมก้อนหินไว้เป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในยามจำเป็น

หมู่ที่ 1 กองร้อยที่ 1 ประจำในสนามเพลาะ

หมู่ที่ 2 เป็นกองหนุน กองร้อยที่ 3 นอกจากจะส่งหมู่ที่ 1 ออกไปลาดตระเวนทางฉือผิงแล้ว ที่เหลือนอกนั้นก็ให้พักผ่อนอยู่หลังแนวรบ

เป็นกำลังสำรอง

ก๊กมินตั๋งที่บุกเข้ามาถูกตีโต้อย่างหนักหน่วงต้องถอยกลับไปตั้งหลัก และบุกเข้าอีกโดยใช้ปืนกลระดมยิงเพื่อคุ้มกัน ปัญหาก็คือ หากยิงต่ำก็ถูกพวกเดียวกัน หากยิงสูงก็ขึ้นฟ้าไปเลย

ขณะที่ทหารแดงอยู่ที่สูง แนวป้องกันดี

ก็เลือกยิงศัตรูเอาตามใจชอบ ไม่มีพลาดแม้แต่สักนัด ศพทหารก๊กมินตั๋งจึงเกลือนอยู่บนเขา จำเป็นต้องถอยกลับอีกเป็นครั้งที่ 2

อาศัยที่มีกำลังพลเหนือกว่า พอเที่ยงก็เปลี่ยนกำลังพลใหม่บุกเข้ามาอีก

การโจมตีหนักหน่วงรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ถูกตีโต้กลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สามารถผ่านทางแคบบนเขาเตี้ยๆเข้ามาได้ บ้างก็ถูกขวากแหลมที่เท้า ไปไหนไม่รอด คลานก็ไม่ได้

ที่หลบกระสุนล้มลงก็ถูกขวากแทงเข้าที่ลำตัว ส่งเสียงร้องโอดโอย ระงม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน