ถอนทัพ ออกจาก จิ่งกังซาน (46) – จากการประมวลของ ทวีป วรดิลก จากนั้น กองทัพแดงของเหมาก็เข้ายึดเมือง หนิงตูซึ่งอยู่ในภาคกลางของมณฑลเจียงซี มีการยึดทรัพย์และอาหารจากเจ้าที่ดิน
กองทัพแดงอยู่ที่หนิงตูเป็นเวลา 3 วัน
มีการปลดปล่อยนักโทษออกจากคุก เรียกประชุมประชาชนเพื่อให้การศึกษาทาง การเมือง แล้วจึงเดินทัพต่อไปยังเมืองตุงกูซึ่งเจิงซาน ผู้บัญชาการทหารคอมมิวนิสต์ ยึดครองอยู่แต่เดิม
ได้พาทหารบาดเจ็บมาพักรักษาตัว
จากนั้นก็เข้ายึดเมืองซิงกว๋ออันเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ เจ้าที่ดินก็ร่ำรวยอย่างมหาศาลแล้วมุ่งไปยึดเมืองจางติ่ง(ติ่งเซา) ที่เป็นเมืองอยู่ติดกับชายแดนมณฑลฟู่เจี้ยน
เหมายังใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจรอยู่เหมือนเดิม
นั่นก็คือ เอากำลังส่วนน้อยเข้าล่อให้ทหารส่วนใหญ่ของก๊กมินตั๋งยกออกจากตัวเมืองแล้วจู่โจมเข้ายึดเมืองโดยกะทันหัน
จับได้ตัวแม่ทัพและยึดกระสุนดินดำได้เป็นจำนวนมาก
ที่เมืองจางติ่งเหมาจัดตั้งกองทัพขึ้นใหม่ จากเดิมที่แบ่งเป็น 4 กรมก็แบ่งใหม่ออกเป็น 3 กระบวนทัพ และจากที่จางติ่งนี้เองที่เหมาทราบเรื่องการประชุมสมัชชาสมัยที่ 6 ของพรรค
ขณะเดียวกัน เผิงเต๊อะไหวก็ส่งข่าวมาจากจิ่งกังซาน
ถูกทัพก๊กมินตั๋งทุ่มกำลังเข้าโจมตีอย่างหนักจนต้องถอนตัวออกจากฐานที่มั่น จิ่งกังซาน และกำลังเคลื่อนทัพมุ่งมายังรุ่ยจิน
เหมากับจูเต๋อจึงออกจากจางติ่ง ผ่านยิโถวและเสียงอิง
เหมาได้จัดตั้งคณะกรรมการปฏิวัติและองค์การมหาชนต่างๆ ขึ้นระหว่างเดินทัพ ทุกๆท้องที่ที่เหมาตั้งค่ายพักจะต้องมีการชุมนุมอภิปราย ชี้แจงยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีแก่ทหาร
และก็ให้การศึกษาทางการเมืองแก่ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นไปด้วย
ในเดือนมีนาคมเหมาก็ยกทัพไปถึงเมืองต้าป๋อตี้ ได้มีการฉลองชัยชนะกันและเหมาก็จ่ายเงินให้แก่ทหารในกองทัพที่ยกมาครั้งแรกด้วยความยากลำบากในอัตราคนละ 3 เหรียญ
เงินจำนวนนี้ได้มาจากพ่อค้าที่มั่งคั่งในเมืองหนิงตู รวบรวมมาได้ทั้งสิ้น 5,000 เหรียญ
จากนั้นเหมาจึงได้เคลื่อนทัพมารุ่ยจินในเดือนเมษายนและได้พบกองทัพของเผิงเต๊อะไหวที่มารออยู่แล้ว รุ่ยจินจึงได้กลายมาเป็นเมืองหลวงของฐานที่มั่นแห่งใหม่
มีชื่อว่า “ฐานที่มั่นกลาง” หรือ “บริเวณพรมแดนเจียงซี-ฟุเจี้ยน”
ปรากฏว่า ฐานที่มั่นแห่งนี้สมบูรณ์กว่าฐานที่มั่นจิ่งกังซานมาก มีเหมืองแร่ทังสเตน ซึ่งทำรายได้ดี และที่ดินตามท้องที่ต่างๆ ก็เหมาะแก่การเพาะปลูก
ทหารที่เคยเป็นคนงานจากเหมืองแร่อันหยวนและผิงเจียงเดิมก็ได้กลายมาเป็นทหารช่าง
มีการสร้างโรงงานทำอาวุธ โรงพยาบาลและโรงเรียนขึ้น พื้นฐานของการจัดตั้งฐานที่มั่นแห่งนี้คงเป็นไปตามหลักการเดิมที่เหมาวางไว้ คือ ขึ้นอยู่กับความสนับสนุนของชาวนา
ต่อมา จึงมีการปฏิรูปที่ดิน
แล้วเหมาก็ได้รวบรวมหน่วยจรยุทธ์ซึ่แต่เดิมกระจัดกระจายกันปฏิบัติการเข้ามาเป็น กองทัพโดยจัดตั้งขึ้นมาเป็นกองทัพแดงที่ 3 ส่วนกำลังของเหมาที่ตั้งต้นจาก 4,000 คนเมื่อแรกเคลื่อนออกจากจิ่งกังซาน
ในตอนนี้มีกำลังถึง 10,000 เศษ
ณ รุ่ยจินนี้เองที่เหมาได้รับหนังสือจากหลี่ลี่ซานฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1929 จากการที่ต้องถอนกำลังออกมาจากจิ่งกังซานทำให้หลี่ลี่ซานมองการณ์ในแง่ร้ายและก็หวาดระแวงอยู่แต่ว่า
ถ้าชาวนาได้เป็นผู้นำพรรคจะเกิดความเสียหายแก่การนำของชนชั้นกรรมาชีพ
คือจะทำลายการปฏิวัติลงไป หลี่จึงแนะนำให้เหมากับจูเต๋อสลายกำลังออกเป็น หน่วยจรยุทธ์ย่อยๆ ให้หมด เพื่อจะได้รักษากำลังเอาไว้และดำเนินการปลุกระดมมวลชนออกไป
หนังสือนี้เหมาตอบไปเมื่อวันที่ 5 เมษายน ไม่เห็นด้วยกับหลี่ลี่ซานอย่างสิ้นเชิง
เด่นชัดว่านับแต่ล้มเหลวจากสถานการณ์การลุกขึ้นสู้ในฤดูเก็บเกี่ยวที่เมืองฉางซาเป็นต้นมากระทั่งถอยร่นมาปักหลักจัดตั้งกองกำลังปฏิวัติที่เขาจิ่งกังซาน
เหมากับ “ศูนย์การนำ” ต่อสู้ในทางความคิดมาอย่างต่อเนื่อง