มรณกรรม ของ สหายเหมาเจ๋อตง(48) – หลังจาก“จดหมายเดือนกุมภาพันธ์”ถ่ายทอดให้รู้กันทั่วไปในกองทัพแดงที่ 4 ก็มีคนอาศัยจดหมายฉบับนี้เรียกร้องให้เหมากับจูเต๋อออกจากกองทัพแดงไป

มอบอำนาจในการบังคับบัญชากองทัพให้กับพวกเขา

บุญศักดิ์ แสงระวี ระบุว่า เมื่อเผชิญกับปัญหาที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นทุกวันเหมาก็เกิดเป็นโรคนอนไม่หลับจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า “ถ้าไม่แก้ไขให้ถึงที่สุดแล้ว กองทัพแดงที่ 4 ก็จะแบกรับภาระหน้าที่ที่การต่อสู้ปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของจีนมอบหมายให้ไม่ได้อย่างแน่นอน”

สิ่งที่เหมาคิดก็คือ จะใช้ความคิดของชนชั้นที่ก้าวหน้าไปให้การศึกษาแก่ผู้ปฏิบัติงานและพลรบอย่างไร จะทำอย่างไรจึงจะสามารถยกระดับของนายและพลทหารของกองทัพแดงที่ส่วนใหญ่มาจากชาวนาเหล่านี้

ขึ้นถึงระดับของผู้นำหน้าของชนชั้นกรรมาชีพ

หากเป็นดังนี้ นักรบของกองทัพแดงก็จะมิใช่ทหารในความหมายทั่วไป พวกเขาจะเป็นนักปฏิวัติจะได้รับการส่งเสริมด้วยอุดมคติปฏิวัติที่ติดอาวุธด้วยสัจธรรมของลัทธิมาร์กซ์

จะมีสำนึกและกัมมันตวิสัยแห่งการปฏิวัติ และจึงจะมีพลังสู้รบที่ เข้มแข็งที่สุด

เดือนมิถุนายน 1929 กองทัพแดงเปิดประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคกองทัพแดงที่ 4 ครั้งที่ 7 ที่หลงเอี๋ยนในฮกเกี้ยน เหมาหวังจะผ่านการประชุมครั้งนี้ใช้ความคิดของชนชั้นกรรมาชีพ

เอาชนะต่อความคิดที่มิใช่ของชนชั้นกรรมาชีพต่างๆ

แต่เหมาคิดไม่ถึงว่า ชนชั้นนำระดับสูงของกองทัพแดงก็เกิดความแตกแยกในทางความคิด ความเห็นกันไปคนละทาง ตามหลักการพรรคบัญชาปืน

เลขาธิการพรรคคณะกรรมการทหารส่วนหน้าเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพแดงที่ 4

เหมาในฐานะที่เป็นผู้รับตำแหน่งนำนี้พยายามเน้นการสร้างสรรค์ทางความคิดของพรรค บทบาทการนำของพรรคกลับถูกสหายบางคนบิดเบือนไปเป็นการสร้าง “ระบอบพ่อบ้าน”

จึงเกิดการโต้แย้งกันอย่างดุเดือดในวิธีการนำและหลักการการสร้างกองทัพแดง

ในเมื่อการนำของเหมาถูกเข้าใจผิดว่าเป็น“ระบอบพ่อบ้าน”จุดรวมศูนย์ของการโต้แย้งจึงไปอยู่ที่กองทัพควรจะดำเนิน “ระบอบพ่อบ้านจากบนลงล่าง”

หรือว่าควรจะดำเนิน “ระบอบประชาธิปไตยจากล่างสู่บน”

หลังจากผ่านการอภิปรายกันอย่างเร่งรีบ เมื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเลขาธิการพรรคของคณะกรรมการทหารส่วนหน้า ปรากฏว่าเหมาไม่ได้รับเลือก

เมื่อไม่ได้รับเลือกก็ถูกบีบให้ออกจากกองทัพแดงที่สร้างมาด้วยมือตนเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เหมาสูญเสียอำนาจการนำของกองทัพแดง นอกจากนี้ ไข้มาเลเรียในเขตฮกเกี้ยนก็ชุกชุมก็ฉวยโอกาสเล่นเหมาที่กำลังชะตาตก

ภายใต้สภาพการณ์ที่การรักษาพยาบาลอ่อนด้อยเป็นอย่างยิ่งในเวลานั้น

เหมานอนซมล้มป่วยอยู่เป็นเดือน ถึงขั้นโคม่า ไต่ระดับอยู่ระหว่างเส้นด้ายแห่งความเป็นความตาย เจียนไป เจียนอยู่ ข่าวการป่วยของเหมาแพร่สะพัดไปจนถึงมอสโก

แต่เพราะหนทางไกลการสื่อสารไม่สะดวก กลายเป็นว่าเหมาป่วยและเสียชีวิต

เนื่องจากเหมามีผลงานเป็นเลื่องลือ พรรคก๊กมินตั๋งก็แช่งชักหักกระดูกมาช้านาน ใน“สารข่าวสากล”ของคอมมิวนิสต์สากลประจำวันที่ 20 มีนาคม 1930

ก็ลงข่าวมรณกรรมของเหมาเจ๋อตง

รายละเอียดของข่าวใน“สารข่าวสากล”ระบุลงไปว่า แจ้งว่า สหายเหมาเจ๋อตงป่วยและถึงแก่กรรมด้วยโรคปอดในมณฑลฮกเกี้ยน

นอกจากนั้น ยังบรรยายต่อไปอีกว่า

“สหายเหมาเจ๋อตงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำทางการเมืองของกองทัพ จู-เหมา มวลชนกรรมกร ชาวนา จะรำลึกถึงคุณงามความดีของเขาตลอดไปและสืบทอดงานที่ยังไม่จบสิ้นของเขาต่อไป”

ความจริง ข่าวการเสียชีวิตของเหมาดำเนินไปในลักษณะ 2 ด้าน ด้านหนึ่ง สะท้อนถึงข่าวสารที่คลาดเคลื่อนจากมณฑลฮกเกี้ยนไปยังกรุงมอสโก

อีกด้านหนึ่ง เป็นการตายไปจาก “หน้าที่” ใน “กองทัพแดง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน