วันพุธที่ 6 ก.ค.2565 น้อมรำลึกครบรอบ 3 ปี มรณกาล “หลวงปู่สอ ขันติโก” วัดโพธิ์ศรี ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม อดีตพระเถระที่เคร่งครัด เปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและสาธุชนโดยทั่วไป

เป็นศิษย์สืบสายธรรม หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุท่าอุเทน จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งลุ่มน้ำสองฝั่งโขงไทย-ลาว

มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันจันทร์ ปีมะเส็ง พ.ศ.2448 ตามคำบอกเล่าของผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ ระบุว่าเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 5

เป็นชาวบ้าน บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม บิดาชื่อ นายเพ็ง เป็นชาวลาว มารดา ชื่อ นางจันทร์ ครอบครัวมีพี่น้องร่วมกัน 6 คน

เมื่อแรกเกิด แม่บอกว่า บุตรชายมีสายรกพันคอ จะได้บวช

ส่วนชีวิตในวัยเด็ก เป็นคนที่เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดกับเด็กอื่นวัยเดียวกัน

ได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงขอติดตามไปยังภูเขาควายฝั่งลาวและได้บวชเป็นสามเณร คอยรับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่สีทัตถ์ เล่าเรียนสรรพวิชาต่างๆ จากท่าน

กระทั่งอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

อยู่รับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่สีทัตถ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขา ถ้ำภูผาต่างๆ จนได้ทราบข่าวอาการป่วยของโยมแม่ ในขณะนั้นมีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงรีบเดินทางมาดูแลแม่ผู้ให้กำเนิด และลาสิกขาออกมาดูแลจนถึงวาระสุดท้าย

ในเวลาต่อมา จึงขอเข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง

เป็นพระที่เคร่งครัดในธรรมวินัย วัตรปฏิบัติดี ด้วยความที่มีจิตใจแน่วแน่ในการแสวงหาทางหลุดพ้นตามรอยตถาคต จึงได้ออกเดินธุดงค์ เสริมสร้างบารมีธรรมไปยังสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขาในเขตพื้นที่ภาคอีสาน

ครั้งนั้นออกธุดงค์ข้ามไปยังฝั่งลาว บ้านบุ่ง จำพรรษา เพื่อพัฒนาอยู่หลายปี ก่อนออกเดินทางไปพบหลวงปู่สีทัตถ์อีกครั้ง เฝ้าอุปัฏฐากจนกระทั่ง มรณภาพ

หลังจากนั้น กลับมาที่ฝั่งไทย จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช ในขณะนั้นยังมีครูบาอาจารย์ที่เป็นทั้งสหธรรมิก และศิษย์ผู้พี่หลายท่าน อาทิ หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว ศิษย์ผู้ใหญ่ในหลวงปู่สีทัตถ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นศิษย์ผู้พี่ของท่าน, หลวงปู่คาร คันธิโย, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม ขอศึกษาอยู่เป็นระยะ

เคยเป็นพระเกจิที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย แม้อายุมาก แต่สายตามองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ สนทนากับญาติโยมได้สบาย ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำว้าวันละ 1 ลูก ภัตตาหารทุกอย่างฉันได้หมด ด้วยเหงือก-ฟันยังแข็งแรงอยู่ครบเต็มปาก

ด้านการสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่สอ ไม่ได้จัดสร้างบ่อยนัก นานครั้งในวาระพิเศษ จึงจัดสร้างสักครั้งหนึ่ง ท่านจะเน้นคำสอนให้ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติมากกว่า แต่จะอนุญาตให้ศิษย์ใกล้ชิดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ปรากฏว่าได้รับความนิยม

ช่วงปัจฉิมวัย อาพาธมานานหลายเดือน คณะแพทย์จาก ร.พ.นครพนม และ ร.พ.ท่าอุเทน เข้ารักษาอาการอาพาธอย่างใกล้ชิด ต่อมา มีอาการปอดติดเชื้อ ความดันลดลง

กระทั่งละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 18.12 น. วันที่ 6 ก.ค.2562

สิริอายุ 114 ปี พรรษา 94

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน