ทํานาบนหลังคน สำนวนเปรียบเปรยถึงการเอารัดเอาเปรียบแสวงหา ผลประโยชน์จากผู้อื่น ทำมาหากินบนความเดือดร้อนของผู้อื่น ใช้วิธีเบียดเบียนและ ขาดความมีมนุษยธรรม นายทุนเงินกู้ก็เป็นอาชีพที่เข้ากับสำนวนนี้

ยิ่งเป็นเงินกู้นอกระบบที่ไม่มีกฎหมายรองรับ นึกอยากจะเรียกดอกเบี้ยเท่าไหร่ก็ตามใจฉันด้วยแล้ว หากใครหลงเข้าไปใช้บริการก็ไม่ต่างกับเปิดประตูให้คนพวกนี้มาสูบเลือดสูบเนื้อเถือกระดูก ไม่ต่างกับตกนรกทั้งเป็น

เช้าตรู่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม ทางเศรษฐกิจ นำโดย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาดล จันท์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.กริช วรทัต รอง ผกก.5 บก.ปอศ. นำตำรวจปอศ.สนธิกำลังตำรวจกองบังคับการ ปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) เปิดยุทธการทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์

ซ้อมแผนก่อนออกปฏิบัติการ

 

ภายหลังซักซ้อมแผนการจนเป็นที่เข้าใจตรงกัน ชุดปฏิบัติการแบ่งกำลังเป็น 9 ชุด ออกปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม เป้าหมายหลักอยู่ที่ นายเสวก มั่นปาน หรือ เสี่ยใหญ่ อายุ 43 ปี และน.ส.ฐานิตา มั่นปาน หรือ เจ๊เล็ก อายุ 39 ปี สองสามี ภรรยานายทุนเงินกู้รายใหญ่กับลูกสมุนอีกโขยง

วันรุ่งขึ้นที่บก.ปอศ. พล.ต.ต.พุฒิเดชแถลงผลปฏิบัติการภายหลัง ภารกิจลุล่วงตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ โดยสามารถจับกุมตัวทั้งเสี่ยใหญ่ และเจ๊เล็ก พร้อมพวกรวม 26 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบ ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ ในลักษณะข่มขู่ โดยผิดกฎหมาย”

ค้นหาหลักฐาน








Advertisement

 

ตรวจยึดของกลาง 11 รายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีเงินฝาก และเอกสารเกี่ยวกับลูกหนี้ รวม 1,796 ชิ้น

ผบก.ปอศ.เปิดเผยเบื้องหน้าเบื้องหลังปฏิบัติการครั้งนี้ว่า ก่อนหน้าศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ว่า ถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบในพื้นที่ตามข่มขู่ คุกคาม รวมถึงบุกเข้าไปข่มขู่ถึงที่ทำงานและที่บ้าน ทำให้เกิดความหวาดกลัว เกรงว่าจะได้รับอันตรายจนต้องหลบซ่อนตัว

เครือข่ายดังกล่าวได้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและเรียกเก็บดอกเบี้ย ในอัตราที่สูงมาก อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละยี่สิบต่อ 24 วัน หรือ ร้อยละ 25 ต่อเดือน หรือร้อยละ 303 ต่อปี

หลัง ปอศ.รับข้อมูลต่อมาจากศปน.ตร.ก็ลงมือสืบสวน จนทราบว่ามีน.ส.ฐานิตา หรือ เจ๊เล็ก และนายเสวก หรือ ใหญ่ สองสามีภรรยาเป็นนายทุนใหญ่ คอยดูแลลูกน้องที่ออกเก็บดอกเบี้ย เงินกู้รายวันจำนวนหลายสิบคน ทราบต่อมาว่ากลุ่มผู้ต้องหา รวมตัวกันพักอาศัยอยู่ที่จ.มหาสารคาม โดยจะใช้รถเก๋งโตโยต้า วีออส รุ่นเก่า กว่า 20 คัน ออกตระเวนปล่อยเงินกู้และเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในพื้นที่จ.มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์

ใช้เก๋งวีออสเก็บดอก

 

เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจำนวน 24 ราย ก่อนสนธิกำลังตำรวจกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) เปิดยุทธการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับไว้ได้ 10 คน และจับกุมผู้ที่ร่วมกระทำความผิด ได้อีก 16 ราย รวม 26 ราย

นาทีจับ ‘เจ๊เล็ก-เสี่ยใหญ่’

 

พล.ต.ต.พุฒิเดชกล่าวอีกด้วยว่า กลุ่มผู้ต้องหาถือเป็นเครือข่ายใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสืบสวนจับกุมมา คาดว่าจะมีผู้เสียหายถึง หลักพันคน โดยพบแต่ละวันมีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท ซึ่งจากการสอบสวน นายเสวกให้การรับสารภาพว่าทำมาแล้วกว่า 5 ปี นายเสวกยังเคยถูกจับกุมเมื่อปี 2553 และ 2558 คดีปล่อยเงินกู้ด้วยเช่นกัน ส่วนกลุ่มลูกน้องในแก๊งนั้นพบเคยมีประวัติ ต้องโทษ 10 คน โดยเป็นวัยรุ่นที่ว่างงาน บางคนเคยมีประวัติ ยาเสพติด หรือทำงานในลักษณะนี้มาก่อน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.ดำเนินคดี และติดตามจับกุมผู้ต้องหา ที่หลบหนีไปได้อีก 14 รายอีกด้วย

ธานี ทวีเกิด – เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน