ก่อนที่ “ครูบาน้อย ญาณวิชโย” วัดถ้ำเชตวัน ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน ละสังขารอย่างสงบ ได้เมตตามาแสดงธรรมบนเวทีเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ ซึ่งจัดโดย พุทธปัญญาชมรม บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่

ถือเป็นเวทีแสดงธรรมท้ายๆ ของชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ ในหัวข้อ “ชีวิตจริง” เพื่อแบ่งปันแนวทางในการดำเนินชีวิตให้แก่ญาติโยมที่ได้ร่วมฟังธรรมบรรยาย

ครูบาน้อยกล่าวถึงหัวข้อในการบรรยายเรื่อง “ชีวิตจริง” ว่า ชีวิตจริงกับการใช้ชีวิตนี้เราต้องแยกออกจากกันทั้งสองอย่าง ก่อน ชีวิตนี้เปรียบเสมือนลีลาของบทละคร บางทีก็เศร้า บางคราวก็สุข บางทีก็ทุกข์ หัวอกสะท้อน มีร้าง มีรัก มีพลัด มีพราก มีจาก มีจร กว่าจะจบบทละครชีวิต กว่าจากลาอันว่ารักวรรคตอนละครชีวิตเป็นเรื่องน่าคิดนะท่านเจ้าขา ด้วยฉาก จะปิด ชีวิตจะลา ก็ต้องทรมาน ก็เหลือประมาณ ไม่ใช่เทวาจะมาอุ้มส่ง ไม่ใช่ พระพรหมจะมาเสกสรรค์ ไม่ใช่พระศุกร์ พระเสาร์ พระอาทิตย์ หรือว่าพระจันทร์ จะยากดีมีจนนั้นอยู่ที่ผลของการกระทำ

ฉะนั้นแล้วคนเราเกิดมาเพื่ออะไร คนเรามีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็น เผาผลาญ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

สังเกตว่าคนเรายังไม่หมดกรรมก็เข้าสู่สภาวะแห่งพระนิพพานไม่ได้ ต้องใช้กรรมให้หมดเสียก่อน เราสังเกตครูบา อาจารย์หลายๆ รูปหลายๆ ท่าน ที่ท่านเราเชื่อว่าท่านสำเร็จธรรมขั้นสูง แล้วแต่บั้นปลายชีวิตท่านก็ยังได้รับวิบากกรรม ยกตัวอย่าง หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ท่านเป็นอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ติดเตียงอยู่ 16 ปีจึงละสังขาร เลยมีคนตั้งคำถามว่าขนาดว่าเป็นพระอริยเจ้า ถึงขนาดนั้นทำไมต้องใช้วิบากกรรม อาตมภาพถึงบอกว่าพระอริยะตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปถึง พระอรหันต์นั้น ท่านไม่ไปใช้กรรมในนรก เพราะท่านปิดประตูอบายแล้ว การใช้กรรมที่เบาที่สุด คือการใช้กรรมในโลกมนุษย์

เพราะฉะนั้นวันไหนที่เราประสบปัญหาเราถือว่าเราได้เกิดมาใช้กรรม และการได้ใช้กรรมในจุดนี้เบาที่สุด ตราบใดเรายังมีเศษแห่งวิบากกรรมยังหลงเหลืออยู่ พระนิพพานก็ยังเข้าไม่ถึง

ทุกวันนี้ที่เป็นทุกข์เพราะว่ามองแต่ตัวเองบ้างมันเกิดขึ้นกับเฉพาะเราแต่เราลืม มองว่าคนอื่นก็อาจจะหนักกว่าเราด้วยซ้ำ แม้แต่คำว่าของการใช้ชีวิต ชีวิตคือโลกโลกคือชีวิต โยมท่านทั้งหลายธรรมะของโลกมีอะไร ในโยมความจริงของโลกมัน ก็ไม่มีอะไร มากสรรเสริญนินทามีรัก มีเกลียด มีสุข มีทุกข์ มีได้ มีเสีย

อย่างนี้แหละพระพุทธองค์ ท่านถึง บอกว่าอาณาคะตังฆะสัญญาอยู่ถึงจะมีอาสาฬหบูชาญาณคือญาณอาจจะทำให้ทุกข์ดับ ไปลดลงคือการตัดทุกข์เราเห็นทุกอย่างไว้ล่วงหน้าไหมล่ะโยม ทุกวันนี้เราน้อยส่วน ที่เราเห็นทุกอย่างไว้ล่วงหน้าเรียกว่าอนาคตล่วงหน้าแล้วเราจะไม่เป็นทุกข์มาก แต่ทุกวันนี้เราไม่ได้เห็นอะไรไว้ล่วงหน้า

บางอย่างเกิดขึ้นมาให้เรายอมรับไม่ได้ เกิดขึ้นมาให้เราแก้ไขยอมรับและอยู่กับมันให้ได้คือ เห็นอะไรไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่รู้แล้วเป็นทุกข์ แต่ศาสตร์ของพุทธนั้นต้องรู้แล้วดับทุกข์ เหมือนกับเราไปดูดวงดูหมอหรืออะไรก็แล้วแต่มันเหมือนจะเป็นการรู้อนาคต แต่บางสิ่งบางอย่างรู้แล้วเป็นทุกข์ไม่รู้จะดีกว่า

แต่ว่าศาสตร์ของพระพุทธองค์ คือการรู้ล่วงหน้าไม่ใช่รู้ล่วงหน้าแบบการดูหมอ รู้ว่าตัวเองเป็นทุกข์คือรู้อย่างพ้นทุกข์ รู้อย่างดับทุกข์

เวลาเราได้ อนาคตของคำว่า “ได้” คือ “เสีย” แน่นอน วันหนึ่งเราต้องเสียมันไป ทำใจไว้แล้วครึ่งนึงพอถึงวันนั้นจริงๆ เราก็ไม่ทุกข์มาก อนาคตของคำว่า “รัก” วันหนึ่งก็ต้องชังกัน ทะเลาะกัน เกลียดกัน อนาคตของคำว่า “ดีใจ” วันหนึ่งต้อง “เสียใจ” อนาคตของคำว่า “สุข” ก็ต้อง “ทุกข์” อนาคตของ “ความไม่ทุกข์” ก็ต้อง “สุข” สลับกันเกิดๆ ดับๆ อย่างนี้ เราเห็นว่านี่คือชีวิตจริง มันวนเวียนคำว่า “โลก” หรือคำว่า “ชีวิต” เกิดซ้ำๆ กันอย่างนั้นไม่มีอะไรใหม่

พบกับกิจกรรมเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00-13.30 น. ผ่านช่องทาง facebook fanpage CPALL หรือสามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ช่องทางเดียวกัน พร้อมรับฟังคติธรรมดีๆ ใน ช่องทาง TikTok ได้ที่ ธรรมะ TikTok

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน