ปรากฏการณ์ “อาจารย์น้องไนซ์” เริ่มสร้างคุณูปการให้กับการดำรงอยู่แห่งพุทธศาสนา

อย่างน้อยก็ได้เห็นการประสานพลังระหว่างผู้อาวุโส “เค” กับผู้มากด้วยคุณธรรมระดับ “พี่อี้” ก็ต้องยอมรับว่าได้รับผลสะเทือนจาก “อาจารย์น้องไนซ์”

ถึงกับละสายตาจาก “ก้าวไกลโกหกอะไร” อย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง

ยิ่งกว่านั้น เมื่อเห็นท่าทีอันเยือกเย็นในแบบของ “พระพยอม” ประสานเข้ากับคำอธิบายยาวเหยียดในแบบของ “พี่มหาแพรรี่” ก็ยิ่งประทับใจ

ประทับใจใน “ความเมตตา” ที่มีต่อ “อาจารย์น้องไนซ์”

การทำความเข้าใจต่อท่าที “พระพยอม” และ “มหาแพรรี่” จึงมีความสำคัญ

สำคัญเพราะว่า “พระพยอม” ไม่เสียเวลามากนัก โดยชี้ทางสว่างให้สั้นๆ ว่า “อาจารย์น้องไนซ์” สมควรบรรพชาเป็น “สามเณร”

หากไม่มีสำนักไหนรับ “วัดสวนแก้ว” เวลคัม

สำคัญเพราะพี่ “มหาแพรรี่” ยอมปลีกเวลาจากการขายของด้วยการโพสต์ข้อความยาวเหยียดยกตัวอย่างการแสดงธรรมของพระพุทธองค์

แอบอิงอยู่กับ “พระไตรปิฎก” สมกับเป็นเปรียญ 9

หากติดตามทุกวินาทีอันปรากฏผ่านรายการ “โหนกระแส” ก็จะประจักษ์แก่ใจ

ประจักษ์ในความสนใจใคร่รู้ของพุทธศาสนิกชน ประจักษ์ ในความพยายามที่จะแก้ต่างจากคนที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ “อาจารย์น้องไนซ์”

มองในทาง “วิชาการ” ล้วนเป็นคุณ ก่อเกิดประโยชน์

ยิ่งรายละเอียดของ “อาจารย์น้องไนซ์” ได้รับการแพร่กระจายมากเพียงใด ยิ่งจะเป็นคุณให้กับความเข้าใจในหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาถ่องแท้ขึ้น

เพียงแต่บทบาท “มหาเถรสมาคม” อาจจะน้อยเกินไป

สภาพการณ์ที่พระพุทธศาสนาพัฒนาต่อเนื่องมากว่า 2 พันกว่าปีย่อมต้องทดสอบ

ทดสอบจากกาลเวลา ทดสอบจากแต่ละปัจเจกบุคคลในท่ามกลางการปรากฏขึ้นของสภาพการณ์ใหม่ ปัญหาและความขัดแย้งอันต่างจากยุคพุทธกาล

การศึกษาและทำความเข้าใจอย่างวิเคราะห์จึงสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน