คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
งูเห่า ก้าวไกล – แล้วแววแห่ง “งูเห่า” ก็เริ่มแผ่แม่เบี้ยขึ้นภายในพรรคก้าวไกลอีกคราหนึ่ง
ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่ว่าพรรคก้าวไกลเตรียมนำเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
หากเป็นจังหวะแห่งการอภิปราย “ไม่ไว้วางใจ” รัฐบาล
ไล่เรียงตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เรื่อยไปจนถึง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า
ครานี้โผล่ขึ้นมา 2 คนพร้อมแหกมติพรรค
หากมองจากจำนวน 277 ส.ส.ที่รัฐบาลมีอยู่ ในมือ การเพิ่มมาอีก 2 น้อยมาก
กระนั้น หากมองผ่านท่าทีอันขึงขังของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งมี 212 ส.ส.อยู่ในมือจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย
การตัดออก 2 จากพรรคก้าวไกลถือว่า “เฉียบ”
ขณะเดียวกัน ก็มีความจำเป็นต้องออกมา แสดงตัวอย่างเด่นชัดในห้วงก่อนการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล อันเท่ากับเป็นการเย้ยหยามต่อฝ่ายค้าน
เป็นกระบวนท่าในแบบ “บาทาลูบพักตร์”
ยิ่งกว่านั้น เมื่อสอดประสานไปกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยิ่งแหลมคม
ไม่เพียงแต่เป็นการต้านกระแสการเคลื่อนไหว ของ “เยาวชนปลดแอก” เมื่อเดือนกรกฎาคม กระทั่งพัฒนามาเป็น “คณะราษฎร 2563” ในเดือนตุลาคมเท่านั้น
หากแต่ยังเป็นการเตือนไปยังพรรคก้าวไกลอย่างมีนัยสำคัญ
เพราะในท่ามกลางการโหยหาวัคซีน เมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาตั้งคำถามในความล่าช้าก็โดนรัฐบาลแจ้งความกล่าวโทษว่าผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าไปด้วย
นี่ย่อมยิ่งกว่า “บาทาลูบพักตร์” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ความเด่นชัดอันออกมาจากอย่างน้อย 2 ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ยากยิ่งจะ ถอยหลัง
บางคนอาจไม่ได้ระแคะระคายมาก่อน ขณะที่บางคนอาจยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟันตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มาแล้วว่าเป็นอย่างไร
ท่าทีในเดือนมกราคม 2564 เสมอเป็นเพียง “คำตอบ” สุดท้ายเท่านั้น