มีคำถามมากมายต่อสถานะและการดำรงอยู่ของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา

เป็นคำถามซึ่งสัมพันธ์กับสถานการณ์และการถอยร่นในทางการเมืองของพรรคก้าวไกลอย่างมิอาจแยกออกจากกันได้

จากแกนนำจัดตั้ง “รัฐบาล” ไปอยู่ในสถานะแห่ง “ฝ่ายค้าน”

เป็นคำถามอันมาพร้อมกับแต่ละจังหวะก้าวอันก่อให้เกิดคำถามอย่างแหลมคมเป็นพิเศษต่อตำแหน่ง “รองประธานสภาผู้แทนราษฎร”

จะสามารถยืนระยะอยู่ได้อีกนานเท่าไร

ลำพังการเบียดขบระหว่าง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับพรรคก้าวไกลก็ล่อแหลม

ใครที่เห็นการออกคำสั่ง “นั่งลง นั่งลง นั่งลง” จากปาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ต่อ สส.ปากคมจากพรรคก้าวไกลทุกคนล้วนรู้สึก

รู้สึกว่าเป็นสุดกลั้นจาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา

แม้ว่าจะเป็นเงาสะท้อนของสส.พรรคก้าวไกลต่อดุลพินิจของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แต่ทุกคนก็รู้ในความระหองระแหงที่เป็นรากฐาน

ตั้งแต่มีปัญหาเรื่องตำแหน่ง “ประธานสภา”

แล้วบทบาท นายปดิพัทธ์ สันติภาดา เล่าก็ใช่ว่าจะไม่ตกเป็น “เป้า” ทางการเมือง

เริ่มตั้งแต่การก่อกรณี “เชียร์เบียร์” อันเป็นความภูมิใจของพิษณุโลก ตามมาด้วยการใช้ “งบรับรอง” เปิดปฏิบัติการ “เลี้ยงหมูกระทะ” แม่บ้าน

ยังการเจาะทะลวงไปในแต่จุดของ “รัฐสภา” อีกเล่า

เปรียบเทียบกับบทบาทของ “ประธาน” เปรียบเทียบกับบทบาทของ “รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2” ก็รู้กันว่าเป็นใครที่ “ล้ำหน้า”

สายตาที่มอง “รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1” ย่อมต่างออกไป

การดำรงอยู่ของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา จึงเป็นการดำรงอยู่พร้อมกับคำถาม

ถามว่าพรรคก้าวไกลจะทะยานไปยังตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้าน” หรือไม่ หรือว่ายังต้องการให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา คาอยู่กับ “รองประธาน คนที่ 1”

เหมือนกับเป็น “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ในเวที “รัฐสภา”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน