กรณีสุขุมวิท ซอย 64/1 กำลังสะท้อนบทบาท การเคลื่อนไหวในทาง “การเมือง”

เมื่อมองท่วงทำนองของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อมองท่วงทำนองของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รวมถึงบทบาทของ นายปิยรัฐ จงเทพ

คล้ายกับจะ “แยกกันเดิน” แต่ก็ปรากฏ “รวมกันตี”

กระบวนท่าของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กระบวนท่าของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กระบวนท่าของ นายปิยรัฐ จงเทพ แตกต่างกันเด่นชัด

แต่จุดร่วมอย่างแหลมคม คือ กุม “ข้อมูล” เดียวกัน

จังหวะก้าวและการเคลื่อนไหวไปหา “ข้อมูล” สะท้อนความจัดเจนแต่ละคนออกมา

ในฐานะ “ผู้ว่าฯ กทม.” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อยู่ในจุดที่จำเป็นต้องค้นหาสาเหตุ เริ่มต้นจาก “รถบรรทุก” ลงลึกไปยังต้นทาง และ ปลายทาง

ดำเนินไปเหมือนกับ “นิ่ง” แต่เป็นความนิ่งอย่างเลื่อนไหล

ในฐานะ “สส.” นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จำเป็นต้องลงไปในพื้นที่ นี่ย่อมเป็นท่วงทำนองเดียวกันกับ นายปิยรัฐ จงเทพ ซึ่งได้รับเลือกจากชาวพระโขนง

การสะสมจาก “หน้างาน” การอยู่ใน “พื้นที่” จึงสำคัญ

น่าสนใจก็ตรงที่ ข้อมูลในมือของแต่ละฝ่ายกับสอดรับและยึดโยงต่อกันและกัน

ความสนใจไปยัง “น้ำหนัก” ที่อยู่บนรถบรรทุกสัมพันธ์กับอุบัติเหตุแนบแน่น ความสนใจต่อฐานและความจำเป็นต้อง “บรรทุกเกิน” ที่กำหนดก็ทรงความหมาย

เป็นรากฐานแห่ง “อุบัติเหตุ” นำไปสู่ “กระบวนการ”

คำตอบที่มาจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร คำตอบอันได้รับการขยายโดย นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ในเรื่อง “สติ๊กเกอร์” ผ่านทางทรงความหมายยิ่ง

แม้ไม่ได้ออกจากปาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

การดำรงอยู่ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จึงจำเป็น

เพราะการดำรงอยู่ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นำไปสู่ความจริง เพราะความจัดเจนของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นำไปสู่ความจริงที่ลึกซึ้งมากขึ้น

2 ส่วนนี้จึงเอื้ออวยและร่วมมือกันโดยอัตโนมัติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน