7 ชั่วโคตร “แม้วโมเดล”

คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ไชโย ประเทศไทยเปิดไฟไล่โกง อีกไม่กี่ปีเราจะมีแต่ความโปร่งใส ไม่ต้องปราบทุจริตคอร์รัปชั่นอีกต่อไป

อ้าว จะปราบใคร ในเมื่อคนชั่วโกงทั้งหลายเข้าคุกเกือบหมดแล้ว ไม่เว้นแม้กู้ชาติกู้แบงก์กรุงไทย แถมรัฐธรรมนูญใหม่ กฎหมายใหม่ ก็จะกำจัดนักการเมืองให้สิ้นซาก รัฐธรรมนูญบวกคำถามพ่วง จะทำให้การเลือกตั้งไม่มีความหมาย คนที่ประชาชนเลือกไปไม่มีทางได้อำนาจ ทำได้แค่ยกมือรับรองอำนาจที่จัดเตรียมไว้แล้ว ตามพิธีกรรม ฉะนั้นจะลงเลือกตั้งทำไม

หนำซ้ำ เห็นกฎหมายเลือกตั้งฉบับห้อยโหน นอนอยู่บ้านไม่ดีกว่าหรือ ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็ผิด จะสมัคร ส.ส.ไปไยให้เสี่ยงตะราง ปล่อยพวกร่างกฎหมายเองตั้งพรรคเองดีกว่า

ถ้าไม่ปากว่าตาขยิบ แจกใบเหลืองส้มแดงดำข้างเดียว ปล่อยให้พรรคสีเขียวๆ แจกใบม่วงใบเทา การเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะกวาดล้างหมดจด หมดเกลี้ยง เปลี่ยนนักการเมืองเป็นประเภทมหา 5 ขัน หรือข้าราชการแก่ๆ แต่ไม่เป็นที่ต้อนรับของชาวบ้าน

อ้าว ใครจะต้อนรับละครับ ไปงานบวชงานบุญกินฟรีไม่ใส่ซอง เที่ยวไปสอนชาวบ้านเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่พึ่งอะไรไม่ได้ซักอย่าง

ภายใต้ระบอบ “เลียคนดี” นักการเมืองไม่มีอำนาจ ก็ไม่มีใครให้ปราบ ป.ป.ช.มีงานค้างรัฐบาลที่แล้วอีก 3 ปี หลังจากนี้อาจนุ่งขาวห่มขาวเข้าวัดฟังธรรม อ้าว จะตรวจสอบอำนาจปัจจุบันได้ไง ในเมื่อบริหารใต้ ม.44 แถม ป.ป.ช. 5 คนยังตั้งไปจากยุคนี้








Advertisement

เช่นเดียวกับองค์กรปราบโกงคนดี ซึ่งมีตำแหน่งแต่งตั้ง เมื่อทำลายอำนาจที่ตรวจสอบได้ จนเหลือแต่อำนาจที่ตรวจสอบไม่ได้ ก็จบสิครับ เปิดไฟ อวสาน ไม่ต้องปราบโกงไปอีก 7 ปี

คงเหลือแต่ข้าราชการนี่ไง นักการเมืองปรบมือสะใจ กฎหมาย 7 ชั่วโคตรลดครึ่งเหลือ 3 ชั่วโคตร โดนกันหมด ตามรอยทักษิณ

ทำไมทักษิณ เพราะนี่คือมาตรา 100 กฎหมาย ป.ป.ช. ที่แค่ทักษิณเซ็นชื่อให้พจมานซื้อที่ดินกองทุนฟื้นฟูฯ ผ่านการประมูล ได้ราคาเกินประเมิน แม้ศาลชี้ว่าไม่ทุจริต แต่ก็ผิดฐานฝ่าฝืนข้อห้าม “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ยอมให้เมียทำสัญญากับรัฐ ตุลาการ 5 ท่านให้ติดคุก 2 ปี แม้ 4 ท่านแย้งว่าต้องมีเจตนาทุจริต

ใช้ไฟหลวงชาร์จแบตมือถือก็ผิด! ใช้ซองตราครุฑช่วยงานแต่งก็ผิด! วิษณุไม่ได้พูดเว่อร์ เพราะถ้ากฎหมายเขียนว่าห้ามใช้พัสดุหลวง จะใช้รถใช้ไฟใช้ซองสลึงเดียวก็ผิดเท่ากัน

เพียงแต่เรื่องนี้เป็นความผิดอยู่แล้ว เรื่องใหม่จริงๆ คือ “ทักษิณโมเดล” ต่างหาก ที่จะใช้บังคับทั้งนักการเมืองข้าราชการ ในการกำหนดนโยบาย เสนอกฎหมาย หรือใช้ดุลพินิจปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง-คู่สมรส ลูก-คู่สมรสของลูก ไปถึงพ่อแม่ของคู่สมรส เรียกว่า “3 ชั่วโคตร” โดยครั้งนี้ผิดทั้งโคตร ใครได้ประโยชน์ก็ผิดด้วย ไม่เหมือนของเดิม ที่พจมานรอดคุก

เอาง่ายๆ นะครับ สมมติคุณเป็นข้าราชการ มีอำนาจหน้าที่ ตั้งแต่ประมูล จัดซื้อจัดจ้าง รับจดทะเบียน ออกใบอนุญาต ฯลฯ ไปจนถึงจัดสอบ หรือรับคนเข้าราชการ ถ้าลูกเมีย ลูกเขยลูกสะใภ้ พ่อตาแม่ยาย มาเกี่ยวข้องได้ประโยชน์เรื่องนั้นๆ ก็เข้าข่ายความผิดทันที ขึ้นอยู่กับกฎหมายจะยกเว้นให้พิสูจน์เจตนาทุจริตหรือเปล่า

ฟังเหมือนเข้าท่า เพราะต่อไป พ่อจะเซ็นอนุมัติให้ลูกชายเข้ารับราชการทหารไม่ได้ แต่คิดอีกที ข้าราชการเขี้ยวๆ หัวเราะก๊าก ฝากเพื่อนทำแทนก็ได้ไม่เห็นเป็นไร

แต่บางกรณีก็ไม่ใช่ สมมติคุณเป็นผู้ว่าฯ ผู้การจังหวัด สรรพากรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ฯลฯ อยู่ภูมิลำเนาตนเอง แล้วครอบครัวทำธุรกิจ ก็มีโอกาสติดคุกง่ายๆ เอาละอาจย้ายจังหวัดหนี แต่ถ้าเป็นอธิบดี เป็นปลัดกระทรวง หรือเป็นนักการเมืองเสนอนโยบายช่วย SME ซึ่งมีประโยชน์กับทุกคน แต่ลูกเมียทำอยู่ด้วย จะว่าไง

ข้อสำคัญ ความผิดนี้ขึ้น “ศาลทุจริต” ซึ่งตั้งใหม่ ใช้หลักการเดียวกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นั่นคือให้ยึดสำนวน ป.ป.ช.เป็นหลัก และเป็นศาลระบบไต่สวน ซึ่งต่างกับคดีอาญาทั่วไป ที่หากยังมีข้อสงสัยก็ยกประโยชน์ให้จำเลย แต่นี่จำเลยต้องพิสูจน์ตัวเองให้หลุดจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูล

ทั้งกฎหมาย 7 ชั่วโคตรและศาลทุจริต ต้องร่างให้ดีและใช้ให้ดีนะครับ เพราะมันคือดาบสองคม ระบบราชการไทยวางกฎระเบียบหยุมหยิมจนทำอะไรก็ผิด ใช้เป็นอาวุธกลั่นแกล้งกันได้ ขณะที่คนโกงจริงๆ มักดิ้นเก่ง ดิ้นได้

ถ้ากลายเป็นกฎหมายจับผิด ข้าราชการก็ไม่ทำงานดี กว่า ไม่ต่างกับกฎหมายเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีใครอยากเป็นนักการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน