แม้จะมีการออกมายืนยันในความมีมาตรฐานเดียวกับคำสั่งคสช.ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แต่ภาพและ”ความเป็นจริง”ที่เห็นมิได้ทำให้พรรคการเมืองที่อาสาเข้ามาทำงานการเมืองเกิดความอุ่นใจได้อย่างชนิดเต็มร้อย
เอากันง่ายๆในการเปรียบเทียบ
ระหว่างบทบาทของพรรคเพื่อไทยกับบทบาทของกลุ่มสามมิตรและโยงใยไปยังพรรคพลังประชารัฐ
เสมอภาคและเท่าเทียมกันหรือไม่
ระหว่างบทบาทของพรรคอนาคตใหม่กับบทบาทของพรรค รวมพลังประชาชาติไทย
เสมอภาคและเท่าเทียมกันหรือไม่
ความรู้สึกของแกนนำ”กลุ่มสามมิตร”อย่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คือ ความสามารถในการเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดโล่ง
Advertisement
ไม่ว่าที่รีสอร์ทดัง จังหวัดเลย
ไม่ว่าที่กอล์ฟคลับ สนามกอล์ฟดัง จังหวัดปทุมธานี พร้อมกับอดีตส.ส.และส.ว.กว่า 100 คน
แต่พรรคเพื่อไทยเพียงจะแถลง 4 ปีคสช.ก็ไม่ราบรื่น
ไม่เพียงแต่จะมีทหาร ตำรวจ บุกเข้าไปขวางถึงที่ทำการพรรค หากคสช.ยังร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองปราบปราม
ยิ่งการประชุมเปิดตัวพรรคการเมืองยิ่งมีความแตกต่าง
พรรครวมพลังประชาชาติไทยสามารถประชุมได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ขณะที่พรรคอนาคตใหม่แม้จะทำตามกฎหมายทุกอย่างครบถ้วน
แต่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ยังมีการถ่ายรูปรถทะเบียนรถ และตามประกบผู้เข้าร่วมประชุมจนถึงบ้าน
นี่ละหรือ คือ ความเสมอภาค เท่าเทียมกัน
ยิ่งโรดแม็ป”เลือกตั้ง”คืบขยับเข้ามาใกล้มากเพียงใด การเปรียบ เทียบในลักษณาการนี้จะยิ่งปรากฏให้เห็น
เห็นในลักษณะ “ดับเบิล สแตนดาร์ด”
มีพรรคที่ได้รับการเอื้ออำนวยจาก”คสช.”อย่างเป็นพิเศษ มีพรรคที่ถูกจับตามองและเฝ้าติดตามอย่างเป็นพิเศษ นำไปสู่จุดต่างในการเลือกปฏิบัติ
ตาของชาวบ้านย่อมเห็น หูของชาวบ้านย่อมได้ยิน