ใกล้ได้บทสรุป
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
คําร้องกรณีนายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วน ตามมาตรา 161 และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยไม่ระบุที่มาของรายได้ ที่จะนำมาดำเนินการตามมาตรา 162
รวมถึงคำร้องกรณีการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนนั้น ประธานรัฐสภารวบรัดขั้นตอน อันเกิดข้อสงสัยว่าเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 วรรคสองหรือไม่
ล่าสุด สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องไว้วินิจฉัย ได้แถลงความคืบหน้าว่าขณะนี้ได้รับคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ทั้งจากนายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภา
คาดว่า 2 ประเด็นแรกจะนำมาพิจารณาได้ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้
สําหรับข้อสงสัยและความกังวลใจใน 2 ประเด็นแรกนั้น คั่งค้างล่วงเลยมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ฝ่ายค้านมีความพยายามขอยื่นกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
แม้แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเองก็ออกมาตำหนิ ระบุว่าไม่เคยได้รับคำชี้แจงเหตุผลจากหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ถูกตั้งกระทู้ถามเลย ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญมาตรา 152 บัญญัติไว้ชัดเจน พร้อมให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทวงถามแล้ว
ส่วนประเด็นการลัดขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นข้อร้องเรียนจากฝ่ายกฎหมายของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โดยมีหลักฐานเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีความเห็นไว้ชัดเจนเช่นกัน
ล้วนแต่เป็นปมปัญหาใหญ่หลวง
อย่างไรก็ตาม เมื่อปัญหาทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการกลางน้ำของการตรวจสอบ ซึ่งก็คงจะมีการชี้ชัดว่าจะออกมาในทิศทางใด ถ้ายกคำร้องก็ยิ่งจะต้องแสดงเหตุผลให้สิ้นสุดข้อสงสัย ไม่เช่นนั้นก็จะยิ่งบานปลายออกไปอีก
ถ้าสรุปชี้ว่ามีมูลที่จะนำสู่การพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด ก็ต้องติดตามต่อว่าจะต้องยื่นร้อง ต่อองค์กรใดให้พิจารณา เพราะนักกฎหมายมีความเห็นว่ามีอยู่ 2 ปลายน้ำ ได้แก่ ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครอง
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าหลายฝ่ายขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล เนื่องจากมีความคลางแคลงใจว่ามีสถานะโดยชอบ ถูกต้อง ชอบธรรม และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
สุดท้ายจึงต้องยุติที่องค์กรชี้ขาด